หนังสือหนังหา : อารัมภบท

กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว (( นานเกือบจำไม่ได้แหนะ ))

เคยนำขี้เลื่อยไปแลกกับขี้สมองของท่านเจ้าสำนักมารขาว ด้วยการเขียนเรื่องราวถึงหนังสือหนังหาที่ได้อ่านมา ในประเด็นเนื้อหา ความน่าสนใจ ความน่ามึนหัวของหนังสือเล่มนั้น ตามทัศนะของตนเอง

แต่จำไม่ได้ว่าได้เขียนเล่าถึงหนังสือไปกี่เล่มตามประสาคนความจำสั้น ทั้งนึกไม่ออกว่าทำไมโครงการแลกเปลี่ยนขี้เลื่อย ฯ นี้ถึงร้างราไป เพราะเรื่องมันได้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเมื่อเนิ่นนานมาแล้วนั่นเอง (( ฮา ))

กระทั่งได้รับกล่องพัสดุจากคุณ Z2you ในวันนี้

เมื่อเปิดกล่องพัสดุออกมา พบภายในบรรจุหนังสือที่น่าอ่านจำนวน 2 เล่ม เป็นหนังสือในแนวที่ชอบมากเสียด้วยนะคะ พลันไฟความอยากเขียนเล่าถึงเรื่องราวของหนังสือดี ๆ ที่เคยมอดไปก็พลุ่งขึ้นมาในทันที อีกทั้งชีวิตในช่วงเวลานี้ค่อนข้างนิ่ง อยู่ตัวแล้วในระดับหนึ่ง จึงคิดอยากวางเข็มโครเชต์มาหยิบหนังสือดี ๆ ที่มีอยู่บนชั้นมาอ่านแล้วสะท้อนเรื่องราวเล่าสู่กันฟังบ้างเป็นพัก ๆ สักเดือนละเล่ม (เอ๊ะ ! หรือสัก2 เล่มดี (ฮา)) ภายใต้วาระชื่อว่า “หนังสือหนังหา” เหมือนที่ท่านมารขาวได้ตั้งไว้ก่อนหน้า

และในระหว่างที่ยังไม่ได้เล่านี้ จะมีเรื่องเก่า ๆ ที่เคยเล่าเมื่อนานมาแล้วมาให้อ่านกันไปก่อนนะคะ ข้าพเจ้านั่งยาน ฯ ไปสืบค้นจากตำหนักท่านเทพ google มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เชิญทุกท่านร่วมทัศนากันโลดค่ะ

 

(( 22 เมษายน 2550 <–  เมื่อน๊านนานมาแล้วจริง ๆ ))

เรียนท่านมารขาวที่เคารพ

เมื่อวานข้าพเจ้าเข้าเมือง ไปดำหัวเภสัชกรอาวุโส และไปหาความศิวิไลซ์ พอตกบ่ายอากาศร้อนจัดตามประสาป่าคอนกรีตทั่วไปจึงหลบเข้าร้านขายหนังสือ แล้วก็ได้หนังสือมา 4 เล่ม ราคาไม่เท่าไรแต่รวม ๆ ที่จ่ายไปในวันนี้ทำเอากระเป๋าแฟบไปเยอะเหมือนกัน(แฮะ!)

ในร้านขายหนังสือข้าพเจ้าเจอเด็ก ๆ เยอะเลยค่ะ เห็นแล้วก็ชื่นใจที่เด็กกลุ่มนี้สนใจหนังสือหนังหา และหากเรามีมุมหนังสือสำหรับเด็ก มีหนังสือส่งเสริมจินตนาการ สวยงาม สนุกสนานเพลิดเพลินและปลอดมลพิษให้กับเขาได้อ่าน ได้รู้จัก ก็จะส่งเสริมให้เค้ารักการอ่านได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

อ่า…เล่ามาเป็นนานสองนานไม่ได้พูดถึงหนังสือที่หอบหิ้วมาหรอกนะคะ แต่จะพูดถึงหนังสือเล่มที่ไปเจอในห้องสมุดประชาชนประจำอำเภอค่ะ ห้องสมุดของที่นี่ตั้งอยู่ในเขตวัด อากาศดี สงบ ร่มรื่น บรรยากาศเหมาะสำหรับการอ่านอย่างยิ่ง ค่าสมัครสมาชิก 30 บาทต่อปี มีหนังสือให้หยิบยืมหลากหลาย ยืมได้ครั้งหนึ่งไม่เกิน 4 เล่ม นาน 7 วัน (คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะท่าน)

บ่นมาเป็นนานก็ยังไม่เข้าเรื่องสักทีเลยนะนี่ !!
พระเอกของ (จดหมายเล่าเรื่องหนังสือหนังหา) วันนี้ก็คือ “ความฝันโง่ ๆ” หนา 240 หน้า เป็นหนังสือในโครงการ “เติมหัวใจใส่ห้องสมุด” บริจาคหนังสือเล่มนี้เข้าห้องสมุดทั่วประเทศ ร่วมอนุโมทนาบุญกับโครงการนี้ด้วยค่ะ

01

ความฝันโง่ ๆ : วินทร์ เลียววาริณ
บรรณาธิการ : ปริสนา บุญสินสุข

เห็นชื่อหนังสือแล้วก็มานึกถึงว่าความฝันอะไรที่ถูกตราว่าเป็น “ความฝันโง่ ๆ” อ่านคำโปรยของหนังสือดู ผู้เขียนได้เล่าไว้อย่างนี้ค่ะ

วันหนึ่งในปี ค.ศ. 1924 จอร์จ มัลเลอรี และเพื่อนมุ่งหน้าสู่ยอดเขาเอเวอร์เรสต์กับความฝันโง่ ๆ ของพวกเขา ไม่มีใครได้เห็นพวกเขาอีกเลยหลายคนมองการกระทำของพวกเขาเป็นความโง่ สมน้ำหน้าเมื่อพวกเขาตายไป พิพากษาเขาเหล่านั้นด้วยประโยค “อยู่ดี ๆ ไม่ว่าดี…”

โลกเราเต็มไปด้วยความความฝันโง่ ๆ …
แอริค วิเลนไมเยอร์ เป็นคนตาบอด เขาฝันที่จะปีนขึ้นสู่เจ็ดยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก
ครีส มูน ขาขาดจากกับระเบิด เขาฝันที่จะวิ่งมาราธอน
สวีเฟน ฮอว์คิง เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ เขาฝันสิ่งที่เกิดขึ้นในอีกแกแล็คซีหนึ่ง
ฌอง-โดมินิค โบบี เป็นอัมพาตเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ เขาฝันที่จะเขียนหนังสือ
ฯลฯ

เหล่านี้เป็นความฝันโง่ ๆ ไม่ใช่โง่ธรรมดา แต่เป็นโง่มาก ๆ ทว่าคนโง่เหล่านี้ปฏิเสธที่จะคิดอย่างคนทั่วไปว่ามันเป็นไปไม่ได้ พวกเขาเชื่อว่า ต่อให้เป็นความฝันโง่ ๆ เพียงใดก็เป็นความฝันที่ต้องลองทำ และราคาของความฝันโง่ ๆ นั้นคุ้มค่าเสมอ แม้ว่าต้องจ่ายด้วยความตาย เพราะมนุษย์ตายได้ แต่พ่ายแพ้ไม่ได้

ข้าพเจ้าหยิบหนังสือเล่มนี้มาจากชั้นวางเพราะ รูปเล่ม ที่สะดุดตา ชื่อของผู้แต่ง ที่สะดุดใจ แต่เมื่ออ่านคำโปรยหลังปกแล้วชักลังเลเพราะเกรงว่าเนื้อหาจะหนัก จนน่าเอาไปหนุนต่างหมอนเสียแล้ว พอลองเปิดพลิก ๆ ดูด้านใน กลับไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลย ในเล่มมีรูปภาพพร้อมประโยคเก๋ ๆ อย่างเช่นหน้าที่ 111 มีรูปเสือลายพาดกลอนนอนทอดอารมณ์กลางพงหญ้า และตัวอักษรสีขาวกำกับว่า “เมื่อท้องอิ่ม เรารู้สึกว่าต้องการอะไรจากโลกน้อยลง” สลับกับบทความที่เล่าจบเป็นเรื่องเป็นตอนไปตลอดเล่ม เหมาะกับคนที่มีเวลาพักแบบกระปริดกระปรอยอย่างข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องอ่านให้จบในคราวเดียว ไม่ต้องกลัวขาดตอน ขาดอรรถรสอันเนื่องจากอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง

และในเล่มไม่ได้มีแต่เรื่องราวของความฝันโง่ ๆ อย่างที่คาดว่าจะได้เจอเท่านั้นหรอกค่ะ อย่างตอน “รังที่สร้างด้วยรัก” อ่านไปยิ้มไปกับประโยคน่ารัก ๆ ที่พูดถึงนกตัวเล็ก ๆ สองตัวนั้นว่า “.. ส่งเสียงแจ้ว ๆ จุ๋งจิ๋งตลอดเวลาหากไม่ใช่เสียงพลอดรัก ก็คงเป็นการปรึกษางานกันว่าจะสร้างรังอย่างไร… เธอไปจิกกิ่งไม้มานะจ๊ะ ฉันจะไปหาอาหารมาจ๊ะ หรือว่าเราจะไป ช๊อป ฯ กิ่งไม้ด้วยกันดีมั้ยจ๊ะ…” แล้วผู้เขียนนำเหตุการณ์นี้ไปเปรียบเทียบกับการทำงานเป็นทีมเวิร์กของคนในองค์กรในตอนท้ายได้อย่างน่าชื่นชม

เคยอ่านเจอว่า หนังสือบางเล่มสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนได้ เมื่ออ่านหนังสือเรื่อง “ความฝันโง่ ๆ” เล่มนี้จนจบ แม้ไม่ได้เปลี่ยนชีวิตของข้าพเจ้าไปสักองศาเดียว แต่ก็ทำให้ ความรักในการอ่าน กลับมีชีวิตชีวาได้ไม่น้อยเลย และที่หน้าสุดท้ายของหนังสือมีตัวอักษรพิมพ์ไว้ว่า

“ลองเดินหน้าสู่ฝันโง่ ๆ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจเพิ่มมุมเย็บปักถักร้อยขึ้นมาในร้าน แม้ไม่เข้ากันกับร้านขายยาแต่ว่ามันเป็นความรัก ความฝัน ความฝันโง่ ๆ ของข้าพเจ้านั่นเอง 😀

.

.

(( เรื่องราวครั้งนี้ คัดลอกจาก “หนังสือหนังหา” ของท่านมารขาวค่ะ ))

32 comments

  1. อืม..ดีค่ะ
    เอาเรื่องราวจากหนังสือมาเล่าสู่กันฟังบ้าง
    เพราะหนังสือเยอะมากๆ ให้อ่านเองทั้งหมดคงไม่ไหวแน่ๆ

    โดยปกติก็ไม่ค่อยจะได้อ่านหนังสือที่ดูหนักๆ เหมือนกัน
    ได้เปิดมุมมองเสียบ้างก็ดีไม่น้อย

    ขอบคุณที่กรุณาค้นหามาฝากค่ะ ^__^

  2. ขอบคุณอีกครั้งด้วยค่ะคุณ Z2you สำหรับหนังสือที่น่าอ่านที่ส่งมาให้
    ไว้อ่านจบเมื่อใดจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้ฟังนะคะ

    รับรองว่าจะไม่เล่าเรื่องอะไรให้ท่านหนัก (หัว) ใจอย่างแน่นอนค่ะ

    จริง จริ๊งงงง .. !!

    .

    สวัสดีค่ะท่านธุลีดิน

    ขอบคุณและยินดีเหลือเกินค่ะ ที่แวะมาทักทายที่นี่อีกครั้ง
    ตัวท่าน แล ตัวอักษรของท่านสบายดีนะคะ ?

    ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยค่ะ ยังไงก็โปรดทำใจไว้ด้วยละกันนะคะ เพราะข้าพเจ้าแปรรูปขี้เลื่อยเป็นอักษรไม่ใคร่ได้ความนักหรอก

    .
    .

    สุขสันต์วันฝนกระหน่ำค่ะ

    -จขบ.- 😀

  3. อ่านจบไวไวนะคะ
    แล้วจะรออ่านผลงานของท่านต่อค่ะ ^__^

  4. ได้ค่ะท่านรอง ฯ Z

    ตอนนี้กำลังอ่าน “หยุดความเลวที่ไล่ล่าคุณ # 1” ค้างไว้อยู่ค่ะ
    เล่มนี้อ่านง่าย สามารถอ่านรวดเดียวจบเลยก็ได้นะคะ
    ถ้าไม่มัวแต่ทำเรื่องจุกจิกอยู่อย่างนี้ ตามประสา

    .
    .

    สัญญาค่ะ
    อ่านจบแล้วจะมา “โม โม่ โม้” ให้ท่านฟังโดยเร็ว

    😀

  5. แอริค วิเลนไมเยอร์ บาล์มดูหนังที่สร้างจากชีวิตเค้าแล้วละ

    สุดยอด มีความฝัน และก็ทำฝันนั้นให้เป็นจริง

    เค้าตาบอดแต่สามาถปีนยอดเขาได้ ขอซูฮก!!!!!!

  6. โอ่โห่แหะ

    นับว่านานมาแล้ว นานมากแล้วจริงๆ

    เอ่ยถึง “หนังสือหนังหา” วันก่อนเห็นคุณน้องอ้อม ซิมพรี่ เธอโพสถึงหัวข้อหนังสือหนังหา ทำเอาข้าพเจ้าเองก็รู้สึกว่าไม่ได้เขียนถึงหนังสือที่อ่านนานมากเหลือเกิน

    ทั้งที่ก็อ่านจบไปแล้วหลายเล่มแล้วก็ตามที อาจเป็นเพราะมีหลายเล่มเหมือนกันที่อ่านจบไปแล้วรู้สึกว่างเปล่า ตื่อไม่รู้จะหยิบจับอะไรตรงไหนมาเล่าต่อ และบางครั้งก็ผ่านตาไปเห็นคนอื่นเคยเขียนถึงหนังสือเล่มนี้แล้ว เห็นว่าได้อธิบายออกมาได้ตรงใจเรา เขียนออกไปจะเป็นการซ้ำรอยเดิม ได้แต่นั่งหนังสือหนังหาอยู่เช่นนั้น

    หวังว่าท่านมารดำจะย่อยที่ท่านกำลังอ่านออกมาให้ข้าน้อยทัศนาเผื่อจะเรียกเรี่ยวแรงกระตุ่นปลายนิ้วให้ลองขีดเขียนวาระ”หนังสือหนังหา”สืบต่อจากแต่เดิมที่ได้ตั้งใจไว้ขอรับ

    ปล. ขอบคุณท่านสำหรับความเห็นในเรื่องสั้นล่าสุดขอรับ

    ด้วยมิตรภาพเช่นเคย

  7. สวัสดีค่ะท่านมารขาว

    .

    ข้าพเจ้ารักการอ่านก็จริง แต่มิใช่นักอ่านที่ดี ที่มีคุณภาพนัก

    อีกทั้งเห็นว่าชีวิตนี้มีอะไรที่น่าทำอีกมากมาย อย่างการถักนิตติ้ง ถักโครเชต์ ทำอาหาร เลี้ยงหมา – แมว วาดรูป ถ่ายภาพ ท่องเที่ยว คุยกับคนบ้า เสวนากับหนุ่ม ๆ หรือแม้แต่การอยู่กับตัวเอง (วิปัสนากรรมฐาน) เป็นอาทิ เหล่านี้ล้วนทำให้ชีวิตมีสีสัน มีความหลากหลายยิ่งขึ้น

    แต่กระนั้น การทอดสายตาบนอักษรชั้นดีในกะทะหนังสือสีอุ่น ๆ ยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มิควรละเว้น

    “หนังสือหนังหา” ยังเป็นวาระที่น่าสืบทอดต่อไปค่ะ

    .

    -มารดำ.- 😀

    ป.ล. ฝากความคิดถึงไปยังน้องอ้อม Simply ด้วยค่ะ

  8. ข้าพเจ้าก็มีเล่มที่อ่านค้างไว้เหมือนกันค่ะ
    รวมทั้งเล่มที่มีแต่ยังไม่ได้อ่าน – -”
    เดี๋ยวรออารมณ์มาก่อนค่อยกลับไปอ่านต่อ หุหุ

    ส่วนเล่มที่ท่านกำลังอ่านอยู่ เห็นแว๊ปๆ เหมือนกัน
    แต่ก็ยังไม่เคยอ่าน ไว้รอท่านเล่าให้ฟังเลยแล้วกันนะคะ ^^”

  9. ^
    ^

    ถ้าต้องรออ่านนานหน่อย ท่านรอง ฯ อย่าเพิ่งบ่นนะคะ
    ข้าพเจ้ามีตั้งหลายรายการแหนะค่ะที่จะโม้ให้ฟัง

    ไหนจะ “นิทาน ฯ”
    ไหนจะ “มารดำเข้าวัด”
    ไหนจะอะไรต่อมิอะไรปะเล้อปะเต๋อ

    (( ข้าพเจ้านี่เล่าอะไรหยิบโหย่งเหมือนกันแฮะ – -” ))

    แต่รับรองว่าได้อ่านแน่ ๆ เจ้าค่ะ

    😀

  10. ถ้ายังไม่เล่าเรื่องหนังสือ
    แต่มีเรื่องอื่นมาให้อ่านช่วงพักชมโฆษณาก็โอเคค่ะ หุหุ

    แต่ถึงจะไม่มีสักเรื่อง
    ข้าพเจ้าก็ไม่บ่น(ให้ได้ยิน)แน่นอนค่ะ :p

  11. ดูท่านรอง ฯ สิน่ะ 😯

    ไม่บ่นให้ได้ยิน แสดงว่าจะแอบ ๆ ไปบ่นอ่ะดิ
    คน (บ้า) เค้ามีอย่างนี้กันด้วยวุ้ย

    555555555+

  12. 55555+
    งั้นข้าพเจ้าบ่นในใจก็ได้ค่ะ
    จะได้ไม่ต้องแอบ ดีไหมคะ หุหุ

    ข้าพเจ้าขอตัวไปเตรียมตัวนอนก่อนนะคะ
    วันนี้หมดแรงซะแล้ว ง่วงมากๆ

    นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^__^

  13. ความฝันโง่ๆ

    .

    ตอนแรกผมคิดว่านี่เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความใหม่เอี่ยมถอดด้ามของคุณวินทร์ เลียววาริณ ซีไรต์ 2 สมัย คนที่ 2 แห่งสยามประเทศของเรา แต่พอได้อ่านเรื่องราวคร่าวๆ จากตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ถึงได้ทราบว่า เป็นหนังสือที่รวบรวมบทความจาก “หนอนในตะกร้า” ในเวบบ้านหนอนของเรา เอ๊ย ของพี่วินทร์ต่างหาก ขึ้นมาเป็นหนังสือเล่มนี้

    ผมเคยคิดว่าตัวเองฉลาดที่ไม่สร้างบล้อกของตัวเอง

    ผมรู้ว่านั่นเป็นความคิดโง่ๆ เมื่อเห็นการกระทำหลายแง่ของพี่วินทร์

    เอาแค่การไปนั่งทำใจเย็นตอบปัญหาตะบักตะบวยสารพัดสารพันอย่างทุกวี่ทุกวัน ผมก็ไม่ฉลาดพอที่จะทำแบบนั้นได้ ไม่นับว่าคำถามบางอย่าง ผู้ถามต้องการความรู้จริงๆ การตอบจึงต้องตอบจริงๆ เพื่อให้ได้ความรู้จริงๆ

    แต่ผมชอบเล่น

    ความใจกว้างอีกหลายกระบุงเข่งของพี่วินทร์ (ขอเนียนเป็นน้องซะเลย) ทำให้ผมนับถือในความเป็นนักเขียน ในนักเขียน – เขียนเพื่อให้ได้ความรู้จริงๆ ไม่ใช่เขียนเพียงเพื่อเขียน (แล้วผมจะเขียนให้งงทำไมหว่า?)

    ผมเคยเป็นแฟน “หนอนในตะกร้า” มานานเดือน ย้ำว่าเคยเป็นแฟน เพราะว่าผมไม่ได้ตามอ่านหนอนในตะกร้ามาหลายเดือนแล้ว อ้อ อ่านบ้างเป็นบางครั้งถ้าหากหัวข้อสะดุดใจ และย่อหน้าแรกยั่วยวนชวนอ่าน

    ในช่วงที่ผมตกหลุมรักหนอนในตะกร้าใหม่ๆ นั้น ผมขอรับประกันว่าผมทำหน้าที่แขกที่ดี เพราะไม่เพียงแต่ไปดัดจริตซุ่มซ่อนปล้นสดมปัญญาของพี่วินทร์เท่านั้น ผมยังแอบจิ๊กบทความดีๆ เหล่านั้น ติดไม้ติดมือมาเซฟไว้ในเครื่องเพื่ออ่านแล้วอ่านอีก อ่านอีกก็อ่านแล้ว แล้วก็อ่านอีกหลายครั้ง บางทีก็ส่งไปให้เพื่อนทางเมล เมื่อเห็นว่าบทความนั้นๆ เข้ากับสถานการณ์ในชีวิตของเขาขณะนั้น

    บทความในหนังสือความฝันโง่ๆ เล่มนี้ ผมจึงคิดว่า ผมได้รับความอนุเคราะห์ให้อ่านฟรีจากพี่วินทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ขอบคุณมากครับพี่)

    ผมชอบบทความง่ายๆ สั้นๆ ที่ตระเวนเก็บเกร็ดต่างๆ เหล่านั้นมาเขียนของพี่วินทร์มาก และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมตามอ่าน

    ผมไม่ค่อยชอบบทความที่วิวัฒนาการมาแล้วดังปัจจุบันนี้ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมไม่ค่อยได้เข้าไปอ่านหนอนในตะกร้า

    ผมรู้ว่านักเขียนที่ดีไม่ควรย่ำอยู่กับที่ และพี่วินทร์คือนักเขียนที่ดี

    ผมรู้ว่าผมเป็นนักอ่านประเภทไหนและมีอะไรรอให้ผมอ่านอยู่บ้าง และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่ได้ติดตามอ่านหนอนในตะกร้าในลำดับต่อมา

    ว่าไปแล้ว ล้วนเกิดจากปัจจัยภายในตัวผมเองทั้งสิ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อเขียนของพี่วินทร์เลย

    ครับ ใช่ ผมไม่ดี

    ผมไม่อยากเล่นมุกว่าเป็นเพราะผมแตกปลาย เพราะผมรู้ว่ามันเป็นมุกเก่าเกินไป พวกคุณๆ ที่เข้ามาอ่านในที่นี้ล้วนแก่ๆ กันแล้วทั้งนั้น หากผมยิงมุกนั้นออกไป คิดว่ามันต้องแป้ก

    วันนี้ ขณะที่ผมเข้ามาคลานต้วมเตี้ยมประสาหนอนหนุ่มในนี้ ผมไปสะดุดยอดอ่อนของวรรคทองประโยคหนึ่งเข้าอย่างจัง ประโยคนั้นมีว่า

    “การทอดสายตาบนอักษรชั้นดีในกะทะหนังสือสีอุ่น ๆ ยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มิควรละเว้น”

    ผมก็แค่อยากจะรู้ว่า ในการทอดสายตานั้น ต้องเทน้ำมันสมองใส่กะทะแค่ไหน?

  14. วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 18 “น้ำใจ 1”

    .
    .

    นอกจากท่านเจ้าคุณฯ จะเป็นผู้มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีอุปการคุณแล้ว ท่านยังเป็นผู้มีน้ำใจต่อญาติมิตร ตลอดจนลูกศิษย์ลูกหาอย่างทั่วถึง ถ้าหากไปสอบถามบรรดาญาติมิตร ลูกศิษย์ของท่านทุกคน เชื่อแน่ว่าคงได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่น่าประทับใจมากมาย

    อีกเรื่องหนึ่งที่เหล่าศิษย์เห็นกันมาโดยตลอดก็คือ เรื่องสงเคราะห์ญาติ ท่านเจ้าคุณฯ เป็นผู้มีญาติอยู่มากพอสมควร ทั้งญาติข้างโยมพ่อและโยมแม่ ทุกครั้งที่มีญาติจัดงานที่ต้องนิมนต์พระมาประกอบพิธีหรือเป็นประธาน เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานทำบุญต่างๆ แล้วมานิมนต์ท่าน ถ้าไม่ติดงานสำคัญจริงๆ ท่านก็จะรับนิมนต์ทุกครั้ง

    เมื่อมีญาติพี่น้องป่วย ท่านก็จะไปเยี่ยมเยียนคอยเป็นขวัญกำลังใจให้

    ถ้ามีญาติพี่น้องเสียชีวิต ท่านก็จะช่วยเหลือในทุกวิถีทาง เช่นปลอบโยนบรรดาญาติพี่น้อง ช่วยแนะนำเรื่องพิธีกรรมต่างๆ ตลอดจนไปงานศพเป็นประจำเท่าที่จะไปได้ บางทีแทบไม่ได้พักผ่อน เพราะเมื่อกลับมาที่กุฏิ ก็ต้องรับแขกที่มารอกราบนมัสการไม่ขาดสาย เมื่อแขกกลับหมดแล้ว ท่านก็จะสะสางงานต่อไปอีกเป็นเวลานาน.

    .
    .
    .
    .

    วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 19 “น้ำใจ 2”

    .
    .

    ครั้งหนึ่ง อาจารย์ถาวร สิกขโกศล ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดบ้านกร่าง (ท่านเจ้าคุณพระเมธีธรรมสาร) เป็นอาจารย์สอนภาษาไทยอยู่ที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี มาพบท่าน และปรึกษาถึงเรื่องจะพาเด็กนักเรียนคนหนึ่งมาฝากอยู่กับท่าน เพราะเด็กคนนี้เป็นเด็กที่เรียนดีแต่ยากจน ได้รับทุนเข้ามาเรียนแพทย์ที่มหาวิทยาลัยมหิดล

    ท่านเจ้าคุณฯ พิจารณาแล้วก็อนุญาตให้อาจารย์ถาวรเอาเด็กมาฝากได้

    อาจารย์ถาวรเล่าว่า รู้สึกประทับใจท่านมาก เพราะในวันที่พาเด็กมาส่งที่กุฏิ ได้พบว่าท่านเจ้าคุณฯ ได้สั่งต่อเติมห้องไว้ให้เด็กคนนั้นใหม่ที่ชั้นล่างกุฏิของท่าน เพื่อให้เด็กได้อยู่เป็นสัดส่วน มีความเงียบสงบตามสมควร จะได้มีสมาธิในการเรียนอย่างเต็มที่

    เมื่ออาจารย์ถาวรกล่าวแสดงความเกรงใจที่ทำให้ท่านต้องลำบาก ต้องเสียเวลาและปัจจัยในเรื่องนี้

    ท่านเจ้าคุณฯ ตอบว่า “อย่ากังวลไปเลย ถือว่าเราทำบุญร่วมกันเถิดนะ”.

    .
    .
    .
    .

    วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 20 “ผู้มีประสบการณ์”

    .
    .

    ท่านเจ้าคุณฯ สุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ป่วยกระเสาะกระแสะเป็นโรคต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน เมื่อเป็นเด็กอ่อนก็ป่วยเป็นไข้หนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด อายุไม่กี่ขวบเป็นโรคหัวใจรั่ว โตขึ้นมาอีกหน่อยก็เป็นโรคหูน้ำหนวก ทำให้เกิดพังผืดที่กล้ามเนื้อบริเวณท้ายทอยใกล้ๆ หู ที่เรียกว่า มัสตอยด์ มีอาการปวดตุบๆ เป็นพักๆ

    ต่อมา เมื่อได้ทุนมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ก็ป่วยเป็นโรคท้องร่วงจนต้องเลิกเรียนหนังสือ จนกระทั่งมาบวชเป็นเณรที่วัดบ้านกร่างเมื่ออายุ 12 ขวบ เมื่ออายุ 14-15 ปี ได้เข้ามาเรียนต่อที่วัดพระพิเรนทร์ กรุงเทพฯ ท่านก็ป่วยมาเรื่อย โรคที่เป็นบ่อยมากที่สุดคือท้องร่วง

    ครั้นจำเริญเข้าสู่วัยหนุ่ม ท่านก็ป่วยด้วยโรคร้ายแรง คือ วัณโรค ได้รับการรักษาจนหาย ต่อมาเป็นโรคแพ้อากาศ หายใจไม่สะดวก มีอาการคล้ายหอบหืด ต้องฉันยาแก้แพ้เป็นประจำ บางครั้งต้องพ่นยาขยายหลอดลม

    ท่านเจ้าคุณฯ ยังเป็นนิ่วในไต กล้ามเนื้อแขนอักเสบ หลอดลมอักเสบ ทอนซิลอักเสบ ตับไม่ปกติ ลำไส้พับ ไวรัสเข้าตา สายเสียงอักเสบ หลังอักเสบ เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองตีบ ฯลฯ นานาสารพัดโรค

    ทว่าท่านไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับโรคภัยแม้สักนิด ราวกับว่าเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา ท่านบอกว่าท่านคุ้นเคยกับโรงพยาบาลมาก เข้า-ออก อยู่เป็นประจำมาตั้งแต่เด็ก

    ท่านว่าก็ดีไปอย่าง ได้ประสบการณ์ดี เป็นโรคโน้นโรคนี้จนรู้ว่า อันว่าโรคต่างๆ นั้น เมื่อเป็นแล้วมันเป็นอย่างไร ของอย่างนี้บอกกันไม่ได้ ต้องเป็นเองถึงจะรู้.

  15. อรุณสวัสดิ์วันศุกร์ ที่แปด เดือนแปด ปีศูนย์แปดค่ะ

    โชคดี มีความสุขกันทุกท่านนะคะ

    สุขสันต์วันสุขค่ะ ^__^

  16. สวัสดีวันศุกร์ที่แปด เดือนแปด (สากล) ปีศูนย์แปด (สากล)
    เวลาแปดนาฬิกาสี่สิบแปดบวกเจ็ดนาที (เวลาท้องถิ่น) ค่ะ

    (( ล้อเลียนซะงั้น 5555+ ))

    สุขสันต์วันศุกร์เช่นกันค่ะท่านรอง ฯ Z
    ขอให้เก็บงานได้เป็นอย่างดี ไม่มีเรี่ยราดนะคะ .. เพี้ยง !!
    .
    .

    ทั้งนี้ขอขอบคุณไปยังท่านป๋าสอ พณ ฯ สิญจน์ สวรรค์เสกด้วยค่ะ
    ที่กรุณาเอา “อักษรชั้นดี” มาฝากให้
    น้ำจิตน้ำใจของท่านดั่งน้ำฝนที่เย็นฉ่ำชื่นใจ จริง จริ๊งงงง !!

    อ้อ .. น้ำมันสมองต้องใช้ในอัตรา 1 : 1 : 1 เจ้าค่ะ

    สายตา 1 ส่วน
    สติ 1 ส่วน
    (น้ำมัน) สมองอีก 1 ส่วน

    นำมากวนให้เข้ากันบนกะทะหนังสือสีอุ่น
    เมื่อเข้ากันแล้ว ก็หย่อนอักษรดี ๆ ลงไปทอดโลด .. รับรองอร่อย !!

    .
    .

    สุขสันต์วันศุกร์จ้าคนบ้าทุกคน 😀

  17. โชคดีวันนี้งานไม่ยุ่งค่ะ ท่านประธาน
    จะยุ่งช่วงกลับมานั่นล่ะ

    แต่อยากให้เวลาเดินไวไวจัง -*-
    บ่ายๆ ก็จะโดดงานแล้วละค่ะ

  18. อืม .. ทีแรกพี่ก็แค่สงสัยนะคะ
    เพิ่งมาแน่ใจก็ตอนที่บาล์มโผล่มานี่เองค่ะ 55555+ 😆

    ตัวเองก็กินตำแหน่ง “กรรมการสมาคมคนบ้า” ยังจะทำเนียนนะเรา

    .
    .

    ท่านรอง ฯ ไม่ยุ่งก็ดีแล้วค่ะ จะได้มีเวลาเตรียมตัวเดินทางไงคะ
    ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทั้งขาไปและกลับจ้า

  19. @bysoul
    I’ve never read it krub. But I like this quote “เมื่อท้องอิ่ม เรารู้สึกว่าต้องการอะไรจากโลกน้อยลง”

  20. ต๊ายย ………อิชั้นโผล่มาแล้วทำไมค้าคู๊น 555

    ไม่ได้บ้า แค่น้ำลายยืดเอง หุหุ 🙄

    “กรรมกรสมาคมคนบ้า” น่าจะเหมาะมากว่า 5555+

  21. ขอบคุณค่ะท่านประธาน

    แต่ตอนนี้งานเข้าซะงั้น
    แถมกลับมาต้องรีบส่งงานอีก กรรมแท้ๆ -*-

    ท่านเองก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ^__^

  22. ถ้ามีโอกาสก็ลองหยิบ “ความฝันโง่ ๆ” มาอ่านดูสิคะคุณเล็ก
    เชื่อว่าในเล่มยังมีอีกหลายประโยคที่จะโดนใจคุณ

    .
    .

    อนุมัติค่ะหนูบาล์ม
    หนูจะหาบ จะหาม จะนั่งกี่เก้าอี้ก็เชิญได้ตามสบายนะจ๊ะ
    พี่น่ะไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เข้าใจ เข้าใจ

    เข้าใจว่าหนูน่ะ “บ้า” พลัง 5555555+ 😆

    .
    .

    คนบ้างาน งานก็มาหาอย่างนี้แหละค่ะคุณ Z
    ดวงดีแต๊ ๆ เนาะ .. หุ หุ

    ไม่ว่างานจะเร่งแค่ไหน ก็วางไว้ก่อนเข้าประตูบ้านนะคะ
    คนบ้าที่ดีเวลางานเป็นงาน อยู่บ้านต้องเป็นเวลาของครอบครัวค่ะ

    แล้วอย่าลืมนัด (หน้าจอทีวี) ของเราคืนนี้นะคะ .. 😀

    -จขบ.-

  23. ข้าพเจ้ากลับบ้านละนะคะ
    ยังเก็บสมบัติไม่ครบเลยอ่ะ – -”

    ขอสละงานไว้แค่นี้ล่ะกันค่ะ ตามคำแนะนำของท่านประธาน
    และไม่ลืมนัดคืนนี้แน่นอนค่ะ

    ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ^__^

  24. ขอบคุณค่ะท่านรอง ฯ Z2you
    รับปากว่าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ

    .

    ข้าพเจ้าตั้งหน้าดูพิธีเปิดโอลิมปิกมาตั้งแต่ทุ่มกว่า ๆ
    ดูไปดูมาจากตัวตั้งก็เริ่มเอน
    ประกอบกับข้างนอกมีฝนตกเอื่อย ๆ อากาศรอบตัวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ
    และแล้วข้าพเจ้าก็เลื้อยตัวลงนอน .. – -”

    ข้าพเจ้าตื่นตาตื่นใจกับการแสดงมากค่ะ
    พอมาถึงตอนเปิดตัวนักกีฬาก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูนักกีฬาของไทยเรา
    รอไปรอมานานเข้าหน้าชักม่อยตาเริ่มปรอยซะงั้น .. เง้ออ

    แต่โอลิมปิกใช่จะมีให้ดูทุกวันเนาะ นานที 4 ปีครั้งแหนะ
    ยังอยากดูให้จบค่ะ

    .
    .

    การเดินทางราบรื่นดีใช่ไหมคะ ?
    ขอให้พักผ่อนกับครอบครัวอย่างมีความสุขค่ะ 😀

Leave a reply to สิญจน์ สวรรค์เสก Cancel reply