“สะ .. สะ .. สวัสดี”
เสียงสั่น ๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เธอหันขวับไปยังต้นเสียงนั้น
พลันได้พบกับดอกหญ้าสีแดงโยกตัวไปมาบนพื้น
ดอกหญ้าหน้าตาประหลาด
แต่ที่ประหลาดยิ่งกว่าคือ สีแดง
ดอกหญ้าสีแดง ก้านสีแดง แม้แต่ใบก็สีแดง !
“สะ .. สะ .. สวัสดีจ๊ะ”
เธอส่งเสียงทักทายตอบไป
“เจ้าเป็นใคร มาจากดาวดวงไหนรึ ?”
“ข้า ฯ ชื่อ อารี มาจากดาวดวงโน้นโน่นแหนะ”
เธอตอบพลางชี้นิ้วไปยังดาวที่ส่องแสงประกายตรงหน้า
ที่เพิ่งจากมาเมื่อไม่กี่อึดใจ แล้วถามกลับไปว่า
“ทำไมเจ้าถึงมีแต่สีแดงล่ะ ?”
“สีแดง ?”
“ใช่ ที่ดาวของข้า ฯ เรียกว่า สีแดง”
“ไม่รู้สิ ข้า ฯ มีสีเดียวกับทุกสิ่งบนดาวดวงนี้”
อา .. จริงสินะ
นี่ข้า ฯ ตาฝาดไปแล้วกระมัง ?
จึงมองเห็นดอกหญ้า ก้อนหิน ดิน ทราย ฯลฯ ทุกอย่างที่นี่เป็นสีแดง !
“แล้วเจ้าล่ะ อารี เจ้ามีสีอะไร ?”
– – –
แฮ่! เราเป็นแมวตัวสีเหลืองลาย ชื่อว่า “กาฟิวส์”
เราเป็นเพื่อนของเจ้าชายน้อยน่ะตะเอง
ในตอนหน้าเราจะมาช่วยเจ้าชายน้อยปราบนางมารกบ-ไก่-พิเดเลี่ยน-มะลิเหลือง ด้วยล่ะ
เป็นกำลังใจให้เราด้วยน้า
.
.
คุณแซดฯ กลับไปเยี่ยมบ้านหรือขอรับ?
งั้น…มาก็มีชัยไปก็มีโชคนะครับ
สุขสันต์วันเสาร์นะขอรับทุกท่าน
.
.
.
ปล. พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งนั้น บอกได้คำเดียวว่า “เริ่ด!”
วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 21 “ทำเอง”
.
.
เมื่อครั้งที่ท่านเจ้าคุณฯ จำพรรษาที่วัดพระพิเรนทร์ ท่านมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นชาวเชียงราย เข้ามาอาศัยอยู่ที่กุฏิชั้นล่างของท่านเพื่อเรียนหนังสือ พวกญาติโยมต่างพากันนึกว่าเขาคงจะดูแลท่านเป็นอย่างดี เพราะได้อยู่ใกล้ชิดที่สุด
ครั้งหนึ่ง โยมคนหนึ่งเห็นกุฏิของท่านสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นกระดานเงาเป็นมัน จึงถามเขาว่า “เธอช่วยท่านถูกุฏิหรือเปล่า?”
เขาตอบว่า “เปล่าครับ ท่านถูเอง”
“อ้าว…แล้วทำไมเธอไม่ถูให้ท่าน”
“ท่านไม่ยอมให้ถูครับ ท่านบอกว่าจะได้ออกกำลัง”
“เธอซักจีวรให้ท่านหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ ท่านซักของท่านเอง”
“เธอล้างถ้วยชามของท่านหรือเปล่า?”
“เปล่าครับ ท่านล้างเอง”
เมื่อไปถามท่านเจ้าคุณฯ ว่าทำไมท่านถึงไม่เรียกใช้ลูกศิษย์ให้ทำอะไรต่ออะไรแทนท่าน โดยเฉพาะงานจุกจิกที่จำเป็นแต่เสียเวลามาก เช่น การกวาดถูกุฏิ ล้างจานชาม ซักจีวร ฯลฯ ท่านจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น งานหนังสือ เป็นต้น
ท่านบอกว่าที่ท่านทำอะไรต่ออะไรเอง เพื่อเป็นอยู่อย่างปกติเหมือนที่เคยอยู่มา ไม่มีอะไรผิดแปลกเป็นพิเศษ และเพื่อความสะดวกจะได้ไม่ต้องรอใคร
“แล้วเธอทำอะไรให้ท่านบ้าง?” โยมซักถามลูกศิษย์ผู้นั้นด้วยความอยากรู้
“บางทีท่านก็ใช้ให้ไปซื้อเครื่องเขียน บางทีก็ไปส่งไปรษณีย์ บางทีก็ให้ไปซีร็อกซ์”.
.
.
.
.
วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 22 “มังสวิรัติ”
.
.
มีญาติโยมช่างสงสัยบางท่านถามท่านเจ้าคุณฯ ว่า “ทำไมท่านถึงไม่ฉันมังสวิรัติ เพราะน่าจะดีต่อสุขภาพของท่านมากกว่าฉันอาหารทั่วไปที่ญาติโยมนำมาถวาย”
ท่านตอบว่า “พระเป็นผู้อาศัยเขายังชีพ ต้องให้เขาเลี้ยงง่ายที่สุด ญาติโยมเขาถวายอาหารอะไร ก็ฉันอย่างนั้น อาหารเป็นเรื่องผ่านๆ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ไปได้ ต้องให้วุ่นวายน้อยที่สุด มีโยมบางท่านมาถวายอาหารมังสวิรัติ อาตมาก็ฉันมังสวิรัติ”
เรื่องการฉันอาหารของท่านเจ้าคุณฯ เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาอย่างหนึ่ง คือ ท่านเป็นผู้ที่มีปกติไม่จู้จี้เรื่องอาหาร ญาติโยมถวายอะไรท่านก็ฉันได้หมด แม้บางอย่างจะไม่ถูกโรคกับท่าน เช่น พวกอาหารรสจัด มีกลิ่นแรง แต่ท่านก็พยายามฉัน โดยไม่พูดอะไรเลย แต่ลูกศิษย์จะสังเกตได้ว่า ท่านฉันอาหารพวกนั้นน้อยเท่านั้นเอง.
.
.
.
.
วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 23 “วาสนา”
.
.
ท่านเจ้าคุณฯ มักจะพูดบ่อยๆ ว่า คำศัพท์หลายๆ คำที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ มีความหมายไม่ตรงกับความหมายเดิมที่มาจากภาษาบาลี คำหนึ่งที่จะยกมาเป็นตัวอย่างในที่นี้คือ วาสนา
ท่านบอกว่า วาสนา คือความเคยชินที่สั่งสมอบรมมาจนเป็นลักษณะประจำตัว เป็นตัวกำกับและกำหนดวิถีชีวิตของคนเป็นอย่างมาก แต่ละคนมีวาสนาไม่เหมือนกัน เพราะได้รับการอบรมสั่งสอนมาไม่เหมือนกัน
ในการที่จะทำความดีให้ติดตัวจนกระทั่งเรารู้สึกว่าเป็นธรรมชาติของเรานั้น ก็คือทำจนเป็นวาสนา ต้องทำด้วยความจงใจ คัดเลือกความดีที่จะทำ และทำให้จริงจัง ถ้าเราปล่อยผ่านไปเรื่อยเปื่อย เราก็จะได้วาสนาที่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ต้องตั้งใจว่า อะไรที่ดีต้องตั้งใจฝึก ทำให้สม่ำเสมอ ทำให้ชิน.
สวัสดีค่ะ ท่านสิญจน์ สวรรค์เสก
.
ขอบคุณสำหรับธรรมะที่นำมาฝากด้วยนะคะ ข้าพเจ้าเพิ่งทราบจากเรื่องในวันนี้เองค่ะว่า “วาสนา” ทางพระท่านแปลความว่าอย่างไร .. สาธุ
.
.
ว่าแต่ “กาฟิวส์” สหายของเพื่อนเจ้าชายน้อยเถอะค่ะ
(( ลืมไป ๆ เดี๋ยวนี้ป๋าเรียกตัวเองว่า “เจ้าชายใหญ่” แล้วนี่นะ 55+ ))
เค้าอยู่มาจนปูนนี้ เขี้ยวเล็บมิหลุด ขนมิร่วงเป็นหย่อม ๆ แล้วรึ ?
แล้วอย่างนี้จะเอาอะไรมาสู้ “นางมาร” สุดสวยของเราได้ล่ะคะ
โฮะ
โฮะ
โฮะ
😆
-จอมมาร (ใจ) ดำ.-
อือ ใช่ๆๆ สงสัยต้องให้เจ้าชายน้อยของเราโตเป็น “เจ้าชายใหญ่” ได้เสียที
ส่วนเจ้าแมวกาฟิวส์ อืม…เอาเป็นว่าเขาได้กลายเป็นแมวอมตะเหมือนโดราเอมอนไปเลยก็แล้วกันเนอะ
วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 24 “เรียนภาษาอังกฤษ”
.
.
มักจะมีผู้สงสัยอยู่เสมอว่า ท่านเจ้าคุณฯ เรียนภาษาอังกฤษมาจากไหน จึงได้มีความรู้ทางภาษาอังกฤษถึงขั้นได้รับอาราธนาไปสอนวิชาพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯได้ นอกจากนั้น ท่านยังได้เขียนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษด้วย เช่น Thai Buddhism in The Buddhist World, Freedom; Individual and Social. ฯลฯ
เพื่อตอบข้อสงสัยในเรื่องนี้ ท่านเล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดบังว่า ท่านเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง โดยเฉพาะไวยากรณ์ท่านจะหาตำรามาอ่านทำความเข้าใจ พอเข้าใจดีแล้ว ท่านก็หาแบบฝึกหัดชนิดที่มีเฉลยมาทดสอบความรู้ของตนเอง
ท่านนั้นก็หาหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเพื่อศึกษาค้นคว้าโดยเฉพาะจากพวก Encyclopedia ขนาดเล็กๆ พร้อมทั้งค้นคว้าหาความหมายของศัพท์ต่างๆ อย่างละเอียด รวมไปถึงการออกเสียงในพจนานุกรมหลายๆ เล่ม เพื่อเปรียบเทียบ และฟังวิทยุคลื่นสั้น VOA เป็นประจำ บางรายการที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ เช่น Science in the News ท่านก็จะอัดเทปเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับอ้างอิงต่อไป
มีเรื่องขำๆ เกี่ยวกับความเป็นคนช่างศึกษาของท่านที่น่าบันทึกไว้ในที่นี้เรื่องหนึ่ง คือ
โดยปกติท่านเจ้าคุณฯ จะมีโรคท้องเสียเป็นโรคประจำตัว ครั้งหนึ่งท่านเป็นมาก จนกระทั่งแพทย์ต้องทำการตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุโดยละเอียด และก็ได้พบว่า ท่านมีปาราสิตชนิดหนึ่งอยู่ในลำไส้มานาน ทำให้มีอาการท้องเสียเรื้อรัง ปาราสิตตัวนี้มีชื่อว่า Giardia
ลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นแทพย์อายุไม่มากนัก รายงานท่านว่า ท่านมีปาราสิตชนิดหนึ่งชื่อ ไกอาเดีย พร้อมทั้งทิ้งตำราแพทย์เกี่ยวกับโรคนี้เอาไว้ให้ท่านอ่าน ท่านอ่านแล้วพบว่าคำศัพท์นี้ไม่ได้ออกเสียงว่า ไก-อา-เดีย แต่ออกเสียงว่า จี-อา-เดีย เวลาสนทนากับแพทย์ผู้นั้น เขาเรียกว่า ไกอาเดีย ท่านก็จะเรียกว่า จีอาเดีย ทุกทีไป จนแพทย์ผู้นั้นรู้สึกประหลาดใจ กราบเรียนถามว่า ทำไมท่านเรียกอย่างนั้น
ท่านตอบว่า “เรียกตามตำราที่คุณหมอเอามาให้อาตมาอ่าน…เจริญพร”.
อรุณสวัสดิ์จากเมืองไทยค่ะคุณสิญจน์ สวรรค์เสก
.
พูดถึงการเรียนภาษาอังกฤษแล้วนั้น ข้าพเจ้าเคยได้ยินหลายคนเค้าเล่าขานอยู่เหมือนกันนะคะว่า สามารถร่ำเรียนเพียรศึกษาได้ด้วยตัวเอง แล้วได้ผลดีเลิศอีกต่างหากเพียงแค่ใจรัก และ อยากร่ำเรียนจริง ๆ
ท่านเจ้าคุณ ฯ มีความพากเพียรที่เราควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างจริง ๆ ค่ะ .. สาธุ
.
.
ฟัง (อ่าน) ที่ท่านพูดถึง “เจ้าชายใหญ่” กับ “กาฟิวส์” แล้วนั้น พลันทำให้ข้าพเจ้านึกถึง “แม่สีนวล” ขึ้นมาได้ทันควันเลยค่ะ ว่าจะเล่าสู่กันฟังหลายวันแล้วแต่ก็มีเรื่องราวมากมายหลายอย่างเกิดขึ้นจนทำให้ลืมเล่าทุกที (( ลืมตามประสาคนความจำสั้น )) แม่สีนวลตัวนี้ไม่ใช่แม่สีดาที่เคยเห็นกันหรอกนา เป็นคนละตัวกันค่ะ
แล้วจะเอาโฉมหน้าแม่สีนวลมาให้ยลนะคะ
-จขบ.- 😀