อยากเล่าให้ฟัง (๔)

เมืองงาช้างดำ

21 ตุลาคม 2552

สวัสดีค่ะ

เรื่องเล่าตอนนี้ ฉันได้เขียนไว้ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม แล้วค่ะ แต่ก็เหมือนไม่ได้เขียนอะไรเลย เพราะในวันนี้ฉันจัดการลบที่เขียนค้างไว้จนหมดสิ้น คุณคงต้องอ่านไปทำใจไปสักหน่อยนะคะ การฟังคนความจำสั้นอย่างฉันเล่าเรื่องของวันวานนั้น เรื่องที่เล่าจะรวบรัดและถูกตัดใจความไปบ้างอย่างแน่นอน 

ทว่า The show must go on ฉันใด

เรื่องที่อยากเล่าให้ฟังก็ต้องเล่าต่อไปให้จบจนได้ ฉันนั้น

ไปค่ะ ไปฟังเรื่องต่อจากคราวก่อนนั้นกันเถิดพระคุณ !!

คืนแรกในวัดอัมพวัน ฉันเหมือนทุ่นที่ถูกกระตุกอย่างรุนแรง จมลงไปในน้ำแบบไร้ทิศทาง ไร้โอกาสตั้งตัว ทั้งไร้เรี่ยวแรงที่จะต้านทาน เมื่อได้รับหมอนก็จัดการวางลงกับพื้น ก็นับว่าโชคดีค่ะที่ฉันได้ที่นอนติดผนัง ใกล้หน้าต่าง แม้จะเป็นทางเดินขึ้นชั้นสอง แต่ฉันคงนอนหลับได้ดีกว่าที่นอนที่ต้องระวังชนคนอื่นทั้งหัวและเท้าอย่างบริเวณกลางห้องแน่ ๆ ฉันถอดป้ายชื่อวางทับลงบนหมอนคามคำบอกของเจ้าหน้าที่ แล้วลุกเดินไปหยิบของใช้ส่วนตัวในกระเป๋าที่วางอยู่บนระเบียงชั้นสองของอีกอาคารหนึ่ง อาบน้ำแปรงฟัน จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน ด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อนทำให้ฉันไม่ต้องทุกข์ร้อนกับการไม่มีผ้าห่มคลุมกาย แม้จะมียุงกัด และ หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดคืน แต่ฉันก็สามารถลืมตาตื่นก่อนตีสามตามความตั้งใจ

ตีสี่ตรง ทุกคนในชุดขาว นั่งสงบนิ่งอย่างพร้อมเพรียงกันในอาคารภาวนา ๑ เต็มทั้งชั้นบนและชั้นล่าง เจ้าหน้าที่เริ่มกล่าวนำสวดมนต์ทำวัตรเช้า เป็นทำนองสรภัญญะ มีจังหวะจะโคนที่เนิบช้า ฟังไพเราะมากค่ะ บทสวดเป็นภาษาบาลีพร้อมคำแปล ทำให้เราสวดมนต์ด้วยความเข้าใจ แถมยังได้สติอีกด้วย

เมื่อเสร็จสิ้นการทำวัตรเช้า เจ้าหน้าที่ให้ทุกคนขยับขยาย จัดสรรสถานที่ปฏิบัติเอาเอง ใครใคร่ออกไปลานดินก็ออกไป ใครใคร่ออกไปอาคารอื่นใด ก็ให้จัดการตัวเอง ฉันเลือกอยู่ในห้องเหมือนเดิมจึงยืนเฉยรอท่า กระทั่งผู้คนเริ่มนิ่ง จึงเริ่มกำหนดยืนหนอตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อ

หลับตาเห็นตัวเองตั้งแต่เส้นผม (ศีรษะ) ไปถึงสะดือ กำหนด “ยืน”

หลับตาเห็นตัวเองตั้งแต่สะดือไปถึงปลายเท้า กำหนด “หนอ”

หลับตาเห็นตัวเองตั้งแต่ปลายเท้าไปถึงสะดือ กำหนด “ยืน”

หลับตาเห็นตัวเองตั้งแต่สะดือไปถึงเส้นผม (ศีรษะ) กำหนด “หนอ”

เมื่อกำหนด “ยืนหนอ” ลง – ขึ้น – ลง – ขึ้น แล้วก็ ลง ครบห้าครั้ง จึงค่อยกำหนดอริยาบทต่อไป จุดนี้หลวงพ่อท่านย้ำมากว่าอย่าได้ลดเป็นอันขาด

เพียงกำหนด “ยืนหนอ” ห้าครั้งตามคำสอน ฉันพบว่าตัวเองเบาสบายเหมือนทุ่นที่ได้รับการปลดปล่อย ค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ มันน่าอัศจรรย์มากค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าการมีสติอยู่กับตัวเองแค่ชั่วขณะ จะเป็นเรื่องดีจนรู้สึกได้ขนาดนี้ …

โอ้ ! จอร์จ มันยอดมากกกก ..

วัดอัมพวัน มีกำหนดการเข้าปฏิบัติที่ตายตัว แต่เนื่องจากช่วงที่ไปตรงกับวันพระ และยังอยู่ในช่วงเข้าพรรษา เวลาการเข้าปฏิบัติจึงถูกแทรกด้วยกิจกรรมทางศาสนาอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าเป็นการดีนะคะ ด้วยทำให้ฉันมีโอกาสได้กราบพระ ได้ฟังหลวงพ่อจรัญท่านเทศน์สอนกรรมฐานและให้ธรรมอื่น ๆ อีกหลายข้อ

ระหว่างการอยู่ในวัดนั้น แม้จะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย กระทั่งวันสุดท้ายที่ถอดชุดขาวเตรียมตัวกลับนั่นเลยค่ะ

ฉันได้เพื่อนใหม่หลายคน บางคนเป็นนักเรียนมัธยมปลาย บางคนเป็นผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าฉันหลายสิบปี มีคนหนึ่งเป็นคนเมืองน่านเหมือนกันด้วยค่ะ เธอทำงานอยู่ที่ศิริราช อยู่วงการสาธารณสุขเหมือนกันอีกตะหาก (โลกกลมจริง ๆ ) ส่วนอีกคนเธอบอกว่าพระรูปหนึ่งที่นับถือ ได้ย้ายไปจำพรรษาที่เมืองน่าน ถามกันไปซักกันมาปรากฎว่าเป็นท่านเจ้าคณะอำเภอที่บ้านของฉันนั่นเอง (โลกกลมอีกแล้ว) เราวางกระเป๋าใกล้กันบนระเบียงชั้นสอง ระหว่างปฏิบัติไม่เคยได้ทักทาย เพิ่งได้คุยก็วันสุดท้ายตอนเตรียมตัวกลับนี่เอง

เมื่อแต่งตัวเรียบร้อย ฉันไปชำระหนี้สงฆ์เพิ่มเติม แล้วไปหาที่นั่งรอกราบลาหลวงพ่อ ทุกครั้งฉันจะไปนั่งรอในกุฎิเพราะอยากมองเห็นหลวงพ่อใกล้ ๆ แต่คราวนี้ฉันนั่งเก้าอื้ด้านนอกไม่ใช่เพราะไม่อยากมองเห็นท่านใกล้ ๆ เหมือนเคย แต่เพราะสุขภาพที่ไม่เต็มร้อย จึงอยากนั่งสบาย ๆ สงบกายสงบใจอยู่ข้างนอกแทน แม้ตาจะไม่เห็นหลวงพ่อขณะที่ท่านให้พร แต่หูก็ยังได้ยินอย่างชัดเจนเหมือนทุกครั้ง และยังอิ่มเอมใจเหมือนทุกที

.

โอ้ ! แล้วกัน ..

นี่ฉันเล่าซะเพลินเลย ว่าจะเล่าให้จบในตอนนี้ แต่เห็นทีต้องขอมาเล่าต่อตอนหน้าแล้วล่ะ ขนาดเพิ่งออกจากวัดอัมพวันยังยาวขนาดนี้เสียแล้ว จะเล่าเรื่องผจญภัยในเมืองกรุงก่อนกลับบ้านอีกเห็นจะไม่ไหว เกรงใจคุณน่ะค่ะ 555+

ขอยุติการเล่าเท่านี้ก่อนนะคะ แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งค่ะ

‘ SOUL

ป.ล. อากาศเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

5 comments

  1. อืมมม เขียนได้ดีๆ

    ลื่นๆ ไหลๆ ไปเรื่อยๆ จนจบตอน

    ตอนนี้…เอ่อ ตอนนี้ ไม่ใช่บันทึกตอนนี้ แต่เป็นคนอ่านในตอนนี้ มึนหัวเหลือกำลัง ไอค๊อกๆ แค๊กๆ ไปด้วย เห็นทีต้องขอตัวไปผักผ่อนแต่หัววันก่อนล่ะ เอาไว้แรงดีแล้วจะมาเม้นต์ใหม่นะท่านเจ้าของบันทึกเอ๋ย

    แต่ว่า…เท่าที่อ่านมาก็ไม่พบคำผิดเลยนะเนี่ย แต่ก็อย่างว่า อย่าเพิ่งไว้ใจคนที่กำลังตาลายด้วยฤทธิ์ยาแก้ไอมากนักเนาะ

  2. ดูสิ!

    ขนาดเขียน พักผ่อน ยังกลายเป็น ผักผ่อน เลย

    วุ้ย!

  3. ขอบคุณมากค่ะท่านป๋าสอ

    .

    ผัก เอ้ย ! พักผ่อนให้มาก ๆ ดื่มน้ำสะอาดให้เยอะ ๆ นะคะ
    ขอให้หายไว ๆ ค่ะ

    😀

  4. ขอลอกการบ้านท่านเลขาฯ อีกครั้งจะเป็นไรไหมคะ ^^”

    ข้าพเจ้าอ่านจบแล้วล่ะ แต่คิดไม่ออกว่าจะเมนท์ว่าอะไร
    แบบว่าปวดหัวตุ๊บๆ ไว้เสร็จสิ้นภารกิจฟิชโช่ อาทิตย์หน้าจะมาอ่านอีกทีค่ะ

    ท่านเลขาฯ และท่านประธาน หายป่วยไวไวนะคะ
    รักษาสุขภาพกันด้วยค่ะ ^__^

  5. ขอบคุณค่ะท่านรอง ฯ

    คิดไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอกค่า
    แวะมาส่งเสียงทักทายก็ดีใจหลาย ๆ แล้ว

    .

    รักษาสุขภาพด้วยนะคะท่าน
    กินยาให้ครบ ดื่มน้ำสะอาดให้เยอะ ๆ น๊า
    ขอให้หายไว ๆ ค่ะ

    😀

Leave a reply to สิญจน์ สวรรค์เสก Cancel reply