นิทานก่อนนอน : นางฟ้ากับดวงดาว

ณ สวนสวรรค์อันไกลโพ้น

เหล่านางฟ้าน้อยตั้งใจศึกษาและฝึกฝนวิชาเพื่อเป็นนางฟ้าอย่างสมบูรณ์
ในวันสำเร็จหลักสูตร ต่างได้รับคฑาวิเศษไว้ประจำกาย
เมื่อร่ายมนตราพร้อมโบกคฑาวิเศษนั้นคราใด
จักกำกับดวงดาวให้ส่องประกายระยิบระยับ

ทันทีที่ได้รับคฑาวิเศษ นางฟ้าหน้าใหม่ก็ไม่รอช้า
พากันร่ายคาถาพร้อมโบกสะบัดคฑาวิเศษโดยพลัน
ส่งผลให้ดวงดาวนับล้านบนฟากฟ้านั้น สว่างไสว สวยงาม

แต่แสงสว่างจากมนตราและคฑาวิเศษอยู่ได้ไม่นานนัก
เพียงสักพักดวงดาวก็เริ่มริบหรี่ ดับแสงลง

ภารกิจของนางฟ้าต้องทำให้ดวงดาวสว่างไสวอยู่อย่างนั้น
จึงแบ่งปันดาวให้นางฟ้าใหม่ไปรับผิดชอบกันคนละดวง
หากดาวของตนเริ่มอ่อนแสงคราใด จักต้องกำกับให้สุกใสดังเดิม
แล้วหมู่ดาวบนฟ้าจึ่งส่องแสงสวยงามระยิบระยับจับตาอีกครั้ง

คืนแล้ว คืนเล่า
หมู่ดาวยังสว่างไสว อยู่เสมอ
แม้ดวงเดือนหมุนเวียนมาพบเจอ ดาวก็ยังสว่างเสมอไม่เปลี่ยนแปลง

กระทั่งคืนหนึ่ง
บนท้องฟ้ามีดวงดาวสว่างไสวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง
และดาวอีกดวงที่เคยสดใส ก็เริ่มริบหรี่ลงไปดวงหนึ่งเช่นกัน
เหล่านางฟ้าเห็นดังนั้น ต่างตื่นตระหนก ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พากันตามหานางฟ้าผู้กำกับดาวที่แสงริบหรี่ดวงนั้นเป็นพัลวัน
ด้วยหวั่นว่าจะเกิดเหตุร้ายกับนาง

เมื่อมาถึงสวนสวรรค์แดนอันเป็นที่หมาย
กลับพบว่านางฟ้าน้อยองค์นั้นไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
ทั้งกำลังสนุกสนานเป็นการใหญ่กับการกำกับดวงดาวพร้อมกันสองดวง

“นางฟ้าองค์น้อย เจ้าทำการใดอยู่หรือ ?”

“กำลังกำกับดวงดารานั่นไง กำลังสว่างไสวสวยงามเชียว”

“ดาวใหม่ดวงนั้นสุกใส แต่เหตุใดดาวประจำตัวเจ้าจึงริบหรี่เล่า ?
เจ้าก็รู้ว่า ดวงดารา คือ ภาระ หาใช่ ทรัพย์สิน

เมื่อได้ฟังดังนั้น นางฟ้าองค์น้อยก็สำนึกได้ละมือจากดาวดวงใหม่
รีบหันไปร่ายมนตราและโบกคฑาวิเศษกำกับดาวของตนทันที
แล้วแสงดาวที่ริบหรี่ ก็กลับสว่างไสว สดใสดังเดิม


.

นิทานจบแล้วค่ะเด็ก ๆ
ขอให้นอนหลับฝันดีนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ .. 😀

35 comments

  1. บทนำนิทานก่อนตื่นอีกครั้ง (ตอนที่ 12 ก้อด้ายเอ๊า)

    .
    .

    แฮ่ม!…“ลืมผมหรือยังครับแฟน แต่ก่อนเคยฟังกันแน่น แฟนจ๋าแฟนลืมผมหรือยัง…”

    ไม่ใช่เสียงร้องเพลงของเจ้าชายน้อยแต่อย่างใดดอกขอรับท่านผู้อ่านทั้งหลาย หากแต่นี่เป็นเสียงของผีเสื้อหนุ่มของเรา ที่บินไปพลางร้องเพลงไปพลาง เพื่อตามหาเจ้าชายน้อย หมายใจจะแจ้งความเกี่ยวกับนางมารทั้งสี่ตนให้เจ้าชายทราบ

    แฮ่ม! (เป็นครั้งที่สอง)

    หากท่านผู้อ่านยังไม่ลืม…คือ…ผมว่า…พวกท่านต้องลืมกันไปแล้วแน่ๆ …งั้น…อย่ากระนั้นเลย เพื่อเป็นการทบทวนความจำครั้งเก่าของผมเองด้วย (แฮ่ๆ วางปากกา เอ๊ย ละนิ้วออกจากแป้นพิมพ์ไปซะนานจนลืมแล้วล่ะว่าเล่ามาถึงตอนไหนแล้ว) ผมขอย้อนกลับไปอ่านนิทานก่อนตื่นตอนที่ 11 ซึ่งเป็นตอนล่าสุดสักกระเดี๋ยวนะครับ อ่านแล้วสัญญาว่าจะกลับมาเล่าให้ฟังด้วยอย่างแน่นอน

    งึมงำๆๆ

    พึมพำๆๆ

    อ้า! เอาละๆ ได้การล่ะงานนี้

    คือว่า…ตั้งแต่ครั้งกระโน้นใช่ไหมล่ะขอรับ เรื่องราวได้ดำเนินมาถึงตอนที่ผีเสื้อหนุ่มของเราได้มาพบกับแม่ผีเสื้อราตรีศรีสวาทสุดใจขาดดิ้น เขาได้ขอให้หล่อนช่วยเป็นสายลับ 008 ไปสืบเสาะหาเบาะแสของนางมารเจี๊ยบๆ ตัวขาวจั๊ว นางมารกบเคโรนตัวเขียวอี๋ นางมารพิเดเลี่ยนตัวแดงแจ๋ และนางมารมะลิดอกเหลืองอ๋อย กระทั่งทราบว่าพวกนางได้ไปซุ่มฝึกอวิชชาในตะเกียงวิเศษของอลาดิน อยู่ที่แขวงมะละหม่อง กรุงร่างกุ้ง ประเทศพม่า

    คราครั้งนั้นได้เกิดมหาวาตภัยนาร์กิสพัดถล่มคามประเทศเขตพุกามนั้น ทว่าคิดว่าพวกนางคงไม่ได้รับอันตรายอันใดอย่างแน่นอน และคิดว่าพวกหล่อนจะยังคงแอบลี้ภัยอยู่แถบนั้นอย่างแน่นอน สายข่าวตาหวานของเราได้รายงานเพิ่มเติมมาด้วยว่า พวกนางมารแต่ละตนนั้นได้สำเร็จสุดยอดวิชามารแขนงใหม่กันแล้วทั้งนั้น นับว่าเข้าขั้นเห็นหางไม่เห็นหัวเยี่ยงมังกรเทพยดากันแล้วนั่นเทียว

    ครั้นพ่อผีเสื้อหนุ่มของเราทราบข่าวดี ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าทราบข่าวร้ายนั้นแล้วต่างหาก ก็ด่วนลาแม่ขวัญตาผีเสื้อราตรี จรลีนำข่าวสารนั้นไปแจ้งต่อเจ้าชายน้อย

    ระหว่างทางนั้น เผอิญว่าพ่อผีเสื้อหนุ่มได้ไปพบพันธมิตรผู้หนึ่งของเจ้าชายน้อยเข้า ใช่แล้วล่ะท่านผู้ชม หรือว่าท่านผู้อ่านเอ๋ย พันธมิตรผู้นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ดอกนอกจาก เจ้าแมวกาฟิวส์รูปหล่อของเรานั่นแล จอมยุทธ์ฝ่ายธรรมะผู้นี้กำลังติดตามหาแม่แมวสีนวล แมวสาวผู้เป็นเจ้าของดวงใจของเขาอยู่ เนื่องจากสุภาพบุรุษท่านนี้ เหมือนจะรู้ว่าตอนนี้แม่แมวสีนวลคงจะคลอดพยานรักของเขาและหล่อนออกมาแล้วเป็นแน่ จึงดั้นด้นค้นหาหมายใจว่าจะมาช่วยลูกแมวกินนม เอ๊ย มาช่วยแม่สีนวลเลี้ยงลูกแมวต่างหากล่ะ – วุ้ย!

    ครั้นแจ้งใจด้วยเรื่องราวของเหล่านางมาร และทราบว่าเจ้าชายน้อยต้องการผู้ช่วยในการปราบมารเห็นปานนั้นแล้ว เจ้าแมวกาฟิวส์จึงติดตามพ่อผีเสื้อหนุ่มไปแต่โดยดี ละเว้นภารกิจติดตามหาลูกและเมียรักเอาไว้ก่อน เพราะเขาทราบว่า ภารกิจปราบมารนั้นสำคัญกว่า ด้วยว่า หากเหล่ามารยังไม่ดับดิ้นสิ้นใจแล้วไซร้ ลูกแก้วและเมียขวัญย่อมมีชีวิตอยู่อย่างไม่ปลอดภัยบนโลกใบนี้เช่นกัน

    และแล้วขุนพลฝ่ายธรรมะทั้งสาม (เจ้าชายน้อย ผีเสื้อหนุ่ม แมวกาฟิวส์) ก็ได้มาพบกันแล้ว…..

    มาคอยติดตามในตอนหน้าก็แล้วกันนะขอรับ ว่าพวกเขาจะวางแผนรับมือมารกันอย่างไร.

  2. วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 48 “คุณธรรมของพระอุปัชฌาย์”

    .
    .

    เนื่องจากท่านเจ้าคุณฯ เป็นพระผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงทางด้านภูมิธรรม ภูมิปัญญา มีความโดดเด่นทั้งทางด้านวิชาและจรณะ ทุกๆ ปีโดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าพรรษา จะมีผู้มาขออุปสมบทกับท่านเจ้าคุณฯ เป็นจำนวนมาก แต่เดิมผู้มาสมัครบวชส่วนใหญ่ก็จะเป็นบรรดาลูกหลานหรือญาติมิตรของญาติโยมผู้คุ้นเคยกับท่าน ครั้นเมื่อท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ทำให้มีคนแปลกหน้าจากทุกสารทิศมาขอสมัครบวชด้วย บ้างก็อ้างว่ารู้จักท่านผ่านผลงานหนังสือ บ้างก็บอกว่ามีคนแนะนำมา ฯลฯ

    ทางวัดญาณเวศกวัน จึงจำเป็นต้องมีวิธีการกลั่นกรองผู้มาขอสมัครบวช โดยให้กรอกใบสมัครก่อน เพื่อศึกษาดูว่าผู้จะมาขอบวชนั้นเป็นใครมาจากไหน วิธีนี้ก็จะเป็นการกันไม่ให้ผู้ไม่ประสงค์ดีแอบแฝงเข้ามาอยู่ในวัด

    ท่านเจ้าคุณฯ จะตั้งฉายาให้แก่สัทธิวิหาริกของท่านทุกรูป ที่น่าประทับใจก็คือ ท่านจะจำนามฉายาและจำหน้าของสัทธิวิหาริกของท่านได้ทุกรูป ไม่ว่าจะมีสักกี่รูป เมื่อถึงเวลาเรียกขาน ท่านก็จะเรียกขานนามฉายาได้อย่างถูกต้อง

    ในพิธีอุปสมบทซึ่งต้องใช้เวลามาก ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ท่านจะนั่งนิ่งพับเพียบอยู่อย่างนั้น แทบไม่มีการขยับเขยื้อน เมื่อมีผู้ไปถามท่านว่าทำไมท่านนั่งนานๆ แบบนั้นได้ ท่านจะตอบว่า อาการหนึ่งที่ท่านไม่เป็นคือเมื่อยขา หรือขาชา เวลานั่งพับเพียบท่านสามารถนั่งได้นานๆ

    นอกจากนั้นเมื่อถึงเวลาให้โอวาท ท่านจะให้โอวาทที่พระนวกะฟังแล้วซาบซึ้งใจอย่างที่สุด และแต่ละครั้งอาจจะมีความคล้ายคลึง แต่จะไม่ซ้ำกัน ท่านจะมีแง่มุมใหม่ๆ ที่ไม่เคยพูดให้ฟังมาก่อนมาพูดให้ฟังได้เรื่อยๆ

    ท่านเจ้าคุณฯ จะเอาใจใส่พระสัทธิวิหาริกของท่านทุกรูปด้วยเมตตาอย่างเท่าเทียมกัน สมัยที่ท่านยังมีเรี่ยวแรงดีอยู่ ท่านจะเป็นผู้สอนธรรมะให้แก่พระนวกะด้วยตนเอง เคยมีพระนวกะรุ่นหนึ่งได้อัดเสียงคำบรรยายของท่านไว้ และทำเป็น MP3 จัดเป็นชุด เรียกว่าชุด “ตามพระใหม่ไปเรียนธรรม” มีความยาวหลายสิบชั่วโมง ใครได้ฟังก็จะรู้สึกเหมือนได้เรียนรู้พุทธศาสนาในแง่ของการบวชเรียนอย่างชัดเจน

    ระยะหลังๆ สุขภาพของท่านอ่อนแอลงมาก บางปีท่านจะไม่ได้สอนพระใหม่ด้วยตนเอง แต่ทว่าความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อพระนวกะยังมั่นคงดังเดิม โดยท่านจะนัดประชุมอยู่เสมอ และไถ่ถามเรื่องการเรียนอย่างละเอียด เปิดโอกาสให้พระนวกะได้สนทนากับท่านอย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง ใครมีอะไรสงสัยก็สามารถนำมากราบเรียนถามท่านได้ และท่านก็จะตอบคำถามนั้นจนกว่าผู้ถามจะหายสงสัย.

    .
    .
    .
    .

    วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 49 “สำคัญที่ใครเป็นผู้ถวาย”

    .
    .

    นับตั้งแต่ท่านเจ้าคุณฯ อยู่จำพรรษาที่วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม อย่างถาวรแล้วนั้น เป็นช่วงที่ท่านเริ่มมีอายุเข้าสู่วัยชรา สุขภาพโดยทั่วไปยังถือว่าน่าเป็นห่วง คือมีอาการล้มป่วยเป็นระยะ บางทีก็ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยเหตุนี้ท่านจึงไม่ค่อยลงไปพบญาติโยมเหมือนแต่ก่อน ญาติโยมก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจดีว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อไม่ได้พบท่านก็ไม่ว่ากระไร มักจะฝากสิ่งของต่างๆ เช่น หนังสือ ยารักษาโรค วิตามิน น้ำปานะ น้ำผึ้ง ฯลฯ ไว้กับพระในวัด เพื่อให้นำไปถวายท่านเจ้าคุณฯ

    พระในวัดทุกรูปก็จะดำเนินการตามความประสงค์ของญาติโยม ด้วยการนำกระเช้าสิ่งของไปถวายท่านเจ้าคุณฯ ที่กุฏิ ท่านเจ้าคุณฯ จะถามเน้นย้ำว่าใครเป็นผู้ถวายสิ่งของเหล่านั้น ท่านบอกว่า “ของไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ว่าใครเป็นผู้ถวาย”

    ญาติโยมทั้งหลายคงจะสบายใจได้แล้ว เพราะท่านเจ้าคุณฯ นั้น ท่านสนใจที่จะรับรู้ว่า ญาติโยมท่านใดมีน้ำใจระลึกนึกถึงท่าน แม้จะไม่ได้พบท่านโดยตรง แต่ท่านก็รับรู้และร่วมอนุโมทนาในน้ำใจไมตรีจิตของญาติโยมนั้นๆ อย่างทั่วถึง.

    .
    .
    .
    .

    วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 50 “สันโดษในวัตถุ ไม่สันโดษในกุศลธรรม”

    .
    .

    อย่างที่เคยเล่ามาบ้างแล้วว่าท่านเจ้าคุณฯ นั้น เป็นผู้มีความสมถะ มักน้อย และสันโดษอย่างยิ่ง ท่านจะไม่ยอมมีของใช้อันใดที่ดูเหมือนว่าเป็นของฟุ่มเฟือย เกินความจำเป็นต่อชีวิตของพระเป็นอันขาด

    ตั้งแต่สมัยท่านเจ้าคุณฯ จำพรรษาอยู่ที่วัดพระพิเรนทร์ วรจักร ซึ่งเป็นวัดอยู่ใจกลางเมือง อากาศไม่ดีนัก เท่านั้นยังไม่พอ หลังกุฏิของท่านยังมีร้านทำทอง กลิ่นน้ำประสานทองจะโชยเข้ามาในกุฏิของท่านในตอนบ่ายแทบทุกวัน ทำให้ท่านมีอาการภูมิแพ้ หอบ เหนื่อย พูดไม่ออก

    เหตุนั้น ญาติโยมผู้ใหญ่บางท่านขออนุญาตติดเครื่องปรับอากาศให้ท่าน ท่านก็บอกปฏิเสธทุกครั้งไป แต่แล้วความพยายามของญาติโยมก็เป็นผลสำเร็จ อ้อนวอนอย่างไรไม่ทราบได้ เอาช่างมาติดแอร์ให้ท่านจนได้ แต่ท่านก็อยู่ที่นั่นต่อไปอีกไม่นานก็ย้ายออกไป เครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นก็ยกให้เป็นสมบัติของวัดพระพิเรนทร์ไป

    เมื่อมาอยู่ที่วัดญาณเวศกวันก็เช่นกัน ท่านไม่ยอมติดเครื่องปรับอากาศที่กุฏิของท่าน ทุกวันนี้ กุฏิที่ท่านอยู่ยังคงไม่มีเครื่องปรับอากาศเหมือนเดิม เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ท่านยินยอมใช้คือ เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ PC และอุปกรณ์เสริมบางตัว เพราะช่วยในการทำงานของท่านให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มผลผลิตและช่วยให้เหนื่อยน้อยลง

    ครั้งหนึ่ง ท่านจำเป็นต้องหยอดตาด้วยยาหยอดตาชนิดพิเศษ ยานี้มีข้อเสียคือต้องเก็บอยู่ในที่เย็นตลอดเวลา ท่านไม่มีตู้เย็นที่กุฏิ ญาติโยมจึงขอถวายตู้เย็นเล็กๆ เพื่อให้ท่านใช้เก็บยา แต่ท่านปฏิเสธไม่ยอมรับตู้เย็น บอกให้ใช้วิธีเอายาใส่กระติกน้ำแข็งแทน เมื่อน้ำแข็งละลายหมด ก็ให้ลูกศิษย์เอาน้ำแข็งจากตู้เย็นในโรงครัวมาเปลี่ยนให้ วิธีนี้ยาก็จะถูกเก็บในที่เย็นตลอดเวลาเช่นกัน โดยไม่ต้องมีตู้เย็น วันใดเมื่อไม่ต้องใช้ยาก็คืนกระติกน้ำแข็งไปด้วย

    สำหรับชื่อตอนนี้ได้มาจากคำสอนของท่านที่เคยยกมาแสดงบ่อยๆ ว่า “สันโดษคือสันโดษในวัตถุ แต่ไม่สันโดษในกุศลธรรม กุศลธรรมนั้นต้องหมั่นเพียรทำให้เจริญงอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป”.

  3. สวัสดีก่อนเที่ยงวันค่ะท่านป๋าสอ

    .

    ใครเค้าจะลืมลงล่ะนั่น
    ก็ตัวละครของท่านแต่ละองค์นี่อ่ะน๊าอย่าให้ข้าพเจ้าบรรยายเลยค่ะ

    หึ หึ

    .
    .

    -มารดำ.-

  4. สวัสดีค่ะท่านรอง ฯ Z

    วันนี้ ที่นี่ฝนตกทั้งวันเลยค่ะ
    นี่ก็เพิ่งลุยฝนมาตะกี้ เปียกมะล๊อกมะแลกซะเกือบหมดสวยเชียว
    ตอนนี้เลยต้องมานั่งจิบน้ำอุ่นเพียว ๆ นี่แหละค่ะ

    สุขสันต์วันพุธนะคะ

    😀

  5. สวัสดีค่ะท่านประธาน

    วันนี้ที่นี่เมื่อเช้าแดดดีมากๆ
    เดินไปมาอยู่ข้างนอก เข้าออกโกดัง เล่นซะเหงื่อตก
    แต่ตอนนี้ครึ้มๆ ซะงั้น

    ว่าแต่ทำไมไปตากฝนซะได้ล่ะคะ
    แล้วความสวยนี่มันละลายน้ำได้ด้วยหรือเนี่ย ^^”

    ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ^__^

  6. เอ่อ .. คือยังไงดีละคะ

    ที่ข้าพเจ้าเลือกสวยแบบละลายน้ำได้
    เพื่อไม่ให้ตกค้าง แล้ว สะสมในร่างกายจนเกิด “ภาวะสวยเป็นพิษ” น่ะค่ะ

    (( มั่วไปกันใหญ่ละเรา ))

    .
    .

    ที่เปียกฝนเพราะถูกเรียกตัวไปดูช่างติดผ้าม่านที่บ้านมาค่ะ
    ขาไปฝนซา แต่ขากลับฝนกระหน่ำซะงั้น ดวงดีจริง จริ๊ง !! – -”

    ว่าแต่ท่านรอง ฯ เถอะค่ะ ไปทำอะไรที่โกดังหรือคะ ?
    อย่าบอกนะว่าไปเล่นซ่อนหากันอ่ะ หุ หุ

    .
    .

    ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ ท่านเองก็รักษาสุขภาพด้วยเช่นกันนะคะ

  7. 55555+
    อืม…น่าคิดภาวะสวยเป็นพิษ
    โชคดีที่ข้าพเจ้าไม่มีความสวยติดตัว หุหุ

    ข้าพเจ้าไปแอบหลับในโกดังค่ะ เอ้ย ไม่ใช่ล่ะ
    ไปเช็คของจัดส่งให้ลูกค้าน่ะค่ะ
    พนักงาน(ชาวต่างชาติ)จัดของมาผิดทั้งขนาดและจำนวน
    (สงสัยข้าพเจ้าจะพูดไทยไม่ชัด -*- )
    แต่ก็เรียบร้อยดีแล้วค่ะ ^__^

  8. ข้าพเจ้าไปแอบดูเทควอนโดมา
    น่าเสียดายในส่วนของชัชวาลย์ แต่ไม่เป็นไรไว้ลุ้นเหรียญทองแดง
    แต่ก็ดีใจด้วยเหมือนกัน ที่รอบนี้เราได้เข้าชิงด้วยล่ะ

    ตอนเย็นอย่าลืมดูนะคะ
    ชิงเหรียญทองเทควอนโดตอนหนึ่งทุ่มค่ะ
    ก่อนหน้านั้นก็เชียร์มวยไปก่อนนะคะ ^__^

  9. ขอบคุณนะคะท่านรอง ฯ Z ที่กรุณาส่งข่าวให้ทราบ
    แต่ข้าพเจ้าเพิ่งมีโอกาสได้อ่านจดหมายน้อยของท่านตอนนี้นี่เองค่ะ
    สรุปแล้วก็พลาดชมการแข่งขันที่ท่านแจ้งไว้ทุกรายการเลย – -”
    น่าเสียดายจัง

  10. อ้าว…ข้าพเจ้าดูจบรีบส่งข่าวเลยนะเนี่ย
    ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ท่านคงได้ดูข่าวแล้วกระมัง

    แต่ข้าพเจ้าแจ้งอีกครั้งก็ได้
    เราได้เหรียญเงินจากการแข่งเทควอนโดจากน้องบุตรีค่ะ
    ส่วนมวย สมจิตร เข้ารอบไปแล้ว

    พรุ่งนี้ยังเหลือนักเทควอนโดหนุ่มอีกหนึ่งคนให้ลุ้นค่ะ
    เค้าแข่งวันเดียวจบ เริ่มแข่งประมาณบ่ายโมงค่ะ

  11. ขอบคุณหลาย ๆ ค่ะท่าน
    พรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะพยายามไม่พลาดชมนะคะ

    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์

    โย่ว !!

  12. ด้วยความยินดีค่ะท่าน

    ไทยแลนด์ สู้ๆ

    ไปนอนพักผ่อนเก็บแรงไว้สู้กับเจ้าชายน้อย
    และเชียร์ทีมไทยพรุ่งนี้กันก่อนดีกว่าเนอะ

    นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ^__^

  13. ตกลงค่ะท่านรอง ฯ

    ไปพักผ่อนเก็บเนื้อเก็บตัว และ เก็บแรงกันไว้ดีกว่า
    ป๊ะหน้าเจ้าชายน้อยแอนด์เดอะแก๊งค์เมื่อไร
    เราจะได้มีแรงโม้ เอ้ย ! มีแรงตอบโต้เค้ากันเนาะ

    ไปค่ะ ไปเข้านอนกัน
    นอนหลับฝันดีนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

    😀

  14. ขอแว๊ป เข้ามาแก้ข่าวค่ะ
    พลาดๆ ข้าพเจ้าฟังมาพลาด เดี๋ยวจะพาท่านประธานพลาดไปด้วย

    พรุ่งนี้เทควอนโดเป็นประเภทหญิงค่ะ
    น้องชลนภัส เริ่มแข่ง เก้าโมงเช้าค่ะ

    ขออภัย ขออภัย -*-

  15. อืม ผมก็มีโอกาสได้ชมการถ่ายทอดการชกของสมจิตร เหมือนกัน แม้ชั้นเชิงของเราจะเหนือกว่าคู่ชกในวันนี้มาก แต่ผมก็ยังไม่ประทับใจการชกของนักชกไทยสักเท่าใดนักน่ะขอรับ

    อย่างไรเสียก็จะขอเชียร์สมจิตรต่อไป ให้เขาได้ประสบความสำเร็จสามารถคว้าชัยในการชกครั้งหน้าและครั้งต่อไปตามลำดับ

    นักกีฬาเทควันโดสาวน้อยของไทยนั้น เธอทำได้ดีมากแล้วล่ะครับ แม้จะพ่ายเจ้าภาพไปสองแต้ม แต่เธอก็เป็นนักกีฬาที่ทำลายสถิติของกีฬาประเทภนี้ให้ทีมชาติและตัวเองได้หลายอย่าง เพราะไหนจะเหรียญเงินเหรียญแรกของทีมชาติไทยบ้างล่ะ เป็นนักกีฬาที่อายุน้อยที่สุดบ้างล่ะ (แว๊บๆ ว่าเธออายุแค่ 18 ปีเองนี่นา ใช่ไหมๆ?)

    แฮ่ม! เรื่องนิทานก่อนตื่นนั้น รอนิทานก่อนนอนตอนต่อไปละกันเน๊าะขอรับ อ้อ แล้วอย่านานล่ะ เพราะเดี๋ยวเครื่องจะเย็น นี่เครื่องโม้ เอ๊ย เครื่องโม่อักษรกำลังจะติดแล้วนา – บอกไม่เชื่อ!

    มาอ่านวิถีแห่งปราชญ์กันก่อนเน๊าะ อีก 2 ตอนก็จะจบแล้วล่ะขอรับ

  16. วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 51 “ไม่ขอรับการรักษา”

    .
    .

    เนื่องจากท่านเจ้าคุณฯ เป็นผู้มีสุขภาพไม่ดี ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่เสมอ ทำให้ญาติโยมผู้มีความปรารถนาดีทั้งหลาย ต่างพากันนิมนต์ท่านไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ มากมาย ไม่รู้กี่แห่งต่อกี่แห่ง บางทีก็พาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจดูอาการของท่านที่กุฏิ มีทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก อย่างแพทย์จีนที่รักษาด้วยการฝังเข็ม ญาติโยมก็เคยพาหมอมารักษาท่าน

    ท่านเล่าว่า ท่านเคยผ่านการฝังเข็มมาแล้ว ทั้งกับคุณหมอคนไทยที่ไปเรียนวิชาฝังเข็มมาจากประเทศจีน และคุณหมอจีนที่มาจากเมืองเซี่ยงไฮ้

    ฝังเข็มกับคุณหมอคนไทยเป็นการฝังแบบผิวหนัง ที่เรียกว่า ผีเจิน คือฝังที่ผิวหนังแล้วปิดพลาสเตอร์ทิ้งไว้เลย แต่ฝังกับคุณหมอที่มาจากเซี่ยงไฮ้นี่สิ ท่านจำได้ไม่รู้ลืม เพราะคุณหมอผู้นั้นใช้เข็มยาวมาก พอปักเข้าไปแล้วยังปั่นกระตุ้น จนท่านรู้สึกเจ็บไปหมด ท่านบอกว่า เจ็บมากๆ เข้าก็ยังไม่ยอมหยุด บอกว่าไม่เจ็บ ไม่หาย

    ประหลาดดีเหมือนกัน คุณหมอจากเซี่ยงไฮ้พูดอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะตามหลักการของการฝังเข็ม การฝังเข็มไม่ควรทำให้คนไข้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดจากการฝังเข็มนั้น

    ท่านเจ้าคุณฯ คงจะรู้สึกเข็ดขยาดต่อการรับการรักษาเสียจนกระทั่งต่อมา เมื่อมีใครพาคุณหมอคนใหม่ๆ มาตรวจดูอาการของท่าน และแนะนำการรักษาที่ยุ่งยากต่อเนื่องกันเป็นเวลานานๆ ท่านจะปฏิเสธโดยกล่าวว่า “อาตมาขอไม่รับการรักษา” แล้วขยายความต่อไปว่า “อาตมาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการรักษาที่ต้องใช้เวลานานๆ สู้เอาเวลามาทำงานเสียยังดีกว่า เรื่องเจ็บป่วยของอาตมานั้น อาตมาก็เป็นมาแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว ก็อยู่ด้วยกันมาได้ ยังทำงานได้”

    ปัจจุบันท่านมีอาการหัวใจเต้นไม่เป็นปกติ ความดันโลหิตขึ้นลงไม่ปกติ และชีพจรเต้นไม่เป็นปกติ ทำให้บางครั้งมีอาการเหมือนคนง่วงนอน ต้องหาวบ่อยๆ บางครั้งมีอาการตาสว่างโพลง บางครั้งอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอก็จะมีอาการสมองชา สมองด้าน สมองแห้ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญฟังแล้วยังงง เพราะไม่เคยได้ยินว่าใครมีอาการอย่างนี้ ซึ่งแต่ละอาการเป็นอุปสรรคต่อการทำงานมาก แต่ท่านก็พยายามฝืนทำงานต่อไป จนได้งานออกมาเป็นหนังสือเล่มโตๆ อยู่บ่อยๆ

    อาการข้างต้นเรียกว่าเป็นอาการธรรมดาสามัญของท่าน คือมีอาการเป็นประจำ แต่อาการที่หนักและน่าเป็นห่วงมากในขณะนี้ คือ เป็นพังผืดรัดลำไส้ เป็นนิ่วในถุงน้ำดี และเป็นต้อหินที่ดวงตาทั้งสองข้าง ซึ่งอาการทั้งสามนี้ ต้องการการผ่าตัดโดยด่วน แต่ท่านเจ้าคุณฯ ได้ผัดผ่อนการผ่าตัดออกไปเรื่อยๆ จนบรรดาแพทย์ทั้งหลายอ่อนอกอ่อนใจไปตามๆ กัน พากันมาตามนิมนต์ให้ท่านไปเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลหลายครั้งแล้ว ทุกคนก็ได้แต่หวังว่าท่านจะใจอ่อนยอมไปผ่าตัดในที่สุด.

    .
    .
    .
    .

    วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 52 “ไม่ให้ความสำคัญกับตัวเอง”

    .
    .

    ท่านเจ้าคุณฯ ได้รับยกย่องว่าเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงมากของประเทศไทย มีพรรษายาวนานเพราะบวชมาตั้งแต่อายุน้อยๆ คือ อายุ 12 ก็บวชเณร ครั้นอายุครบบวชพระก็บวชเลย และด้วยความที่เป็นเปรียญเอกอุ ท่านจึงได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญตั้งแต่อายุไม่ถึง 30 ปี และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสมณศักดิ์อยู่ในระดับที่เรียกว่าสูงทีเดียว

    ท่านไม่เคยให้ความสำคัญกับชื่อเสียงเกียรติยศหรือยศฐาบรรดาศักดิ์ที่ได้รับ ยังคงความเรียบง่าย และอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่ดั้งเดิมดังอดีต

    เวลาออกรับพระอาคันตุกะที่กุฏิของท่าน จะนั่งเสมอกันกับพระเหล่านั้น ไม่นั่งเก้าอี้ที่พิเศษกว่า หรือให้ลูกศิษย์จัดเตรียมอาสนะของท่าน ให้พิเศษกว่าของพระอาคันตุกะและพระภิกษุรูปอื่นๆ ภายในวัด

    บางครั้งพระลูกวัดหรือเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลสถานที่จะจัดเก้าอี้พิเศษถวาย ท่านก็จะปฏิเสธ และเลือกที่จะนั่งเก้าอี้แบบธรรมดาเหมือนพระรูอื่นๆ แม้แต่กับพระลูกวัด พระสัทธิวิหาริกของท่านเอง ท่านก็ปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกัน คือให้เกียรติและไม่ให้ความสำคัญกับตนเอง ไม่วางตนว่าเหนือกว่าคนอื่น จริยาวัตรเช่นนี้เป็นที่รู้กันในวัดญาณเวศกวัน

    ถ้าถามว่ามีบ้างไหมที่ท่านจะยอมนั่งบนอาสนะพิเศษ ก็ขอตอบว่า เคยเห็นเหมือนกัน เวลาท่านออกงานพิธีสำคัญต่างๆ และเวลาที่ขึ้นธรรมาสน์แสดงธรรม.

  17. อรุณสวัสดิ์ค่า

    .

    ขอบคุณที่แวะมาแก้ข่าวค่ะท่านรอง ฯ
    แต่มองดูจำนวนแขกเหรื่อตรงหน้าที่มากันเต็มพรึดขนาดนี้
    เห็นทีข้าพเจ้าจะอดได้เชียร์แน่ ๆ ค่ะ

    แล้วจะรอฟังผลตอนข่าวพักกลางวันละกันนะคะ

    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์

    โย่ว !!

    .
    .

    ขอบคุณมากค่ะท่านป๋า
    ฝากวิถีปราชญ์ไว้สักครู่นะคะ แล้วจะค่อย ๆ ละเลียดอ่านค่ะ

    นิทานก่อนนอนเรื่องใหม่กำลังจะมาค่ะ
    ว่าแต่ป๋าอ่านเรื่องนี้แล้วหรือคะ ? ข้าพเจ้ายังเล่าไม่จบเลยนะนั่น
    5555555+ 😆

    .
    .

    สุขสันต์วันพฤหัสบดีค่ะ
    -จขบ.-

  18. อรุณสวัสดิ์ค่ะ

    น้องสองนักเทควอนโดไทยนั้นอายุ 18 ปีค่ะ
    เรียนอยู่ชั้น ม.6 เอง แต่เก่งและนิ่งมากๆ ชื่นชม ชื่นชม

    หากมีโอกาสได้ชมการแข่งขันวันนี้จะแวะมาส่งข่าวนะคะ
    อีกสักพักก็จะเริ่มล่ะ

    ส่วนตอนนี้ขอไปอู้ เอ้ย ทำงานก่อนนะคะ แว๊ปปป

    สุขสันต์ สุขสันต์ค่ะ ^__^

  19. แพ้ซะแล้วล่ะค่ะ

    แต่ไว้ลุ้นเหรียญทองแดงอีกครั้ง

  20. ขอบคุณสำหรับการรายงานข่าวค่ะท่านรอง ฯ ที่เคารพ

    อยากจะหากาแฟสักถ้วยแต่ลุกไม่ทัน เลยมานั่งเล่นในบล๊อกซะงั้น
    ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ สู้ ๆ ค่ะ

    😀

  21. สู้ๆ เช่นกันค่ะท่าน

    ข้าพเจ้าเพิ่งกลับเข้ามา แต่ก็จะได้พักอีกแล้ว หุหุ

    มีความสุขกับมื้อเที่ยงค่ะ ^__^

  22. สวัสดีวันศุกร์ขอรับทุกท่าน

    .

    ท่านประธานขอรับ อ้อ นิทานเรื่องนี้ยังมีตอนต่ออีกหรือนี่ ดีๆๆๆ จะได้อ่านเรื่อยๆ นานๆ

    .

    ท่านรองฯ ขอรับ

    อืม ขอบคุณนะขอรับสำหรับข้อมูลของ “น้องสอง”

    วันนี้อย่าลืมเชียร์สมจิตร กับ มนัส ล่ะขอรับ

    .
    .

    มาอ่าน วิถีแห่งปราชญ์ ตอนก่อนตอนจบกันเน๊าะขอรับ เพราะว่าตอนหน้าก็จะจบเล่มแล้วล่ะ

    เอ๊า อ่านเถิ๊ด

  23. วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 53 “แรงแต่สุภาพ”

    .
    .

    อย่างที่เคยเล่ามาบ้างแล้วว่า ท่านเจ้าคุณฯ มีบุคลิกประจำองค์คือ ความสุภาพเรียบร้อย มีจริยาวัตรงดงาม เวลาสนทนากับผู้ใด ถ้าไม่ถามอะไรท่านก็จะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด และไม่ว่าท่านจะพูดสิ่งใด ก็พูด้วยเหตุผลเสมอ ไม่มีการใช้อารมณ์ความรู้สึกพูดวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่างๆ

    การเขียนหนังสือของท่านก็เช่นกัน จะหนักแน่นด้วยหลักการ เต็มไปด้วยเหตุผลและความสุภาพ แต่กระนั้น บางครั้งก็มีพลังและความรุนแรงแฝงอยู่ ท่านบอกว่าเรื่องบางเรื่อง หรือเหตุการณ์บางเหตุการณ์นั้น จำเป็นต้องกระทุ้ง-กระแทก-กระเทียบ เพื่อกระตุ้นคนอ่านให้เกิดจิตสำนึก เกิดสติ และรู้เท่าทันความเป็นจริง

    ตัวอย่างหนังสือของท่านที่ใช้คำหนักและแรงได้แก่ “สถาบันสงฆ์กับสังคมไทย” หนังสือเล่มนี้ต่อมาได้รับการพิมพ์ใหม่เป็นครั้งที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2541 ในวาระครบรอบ 25 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “บทเรียน 25 ปี คนไทยเรียนรู้หรือยัง”

    เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เป็นการวิเคราะห์ปัญหาของสังคมไทยด้วยภาษา สำนวน ความเปรียบเทียบ ที่มีน้ำหนัก กระทบความรู้สึก และปลุกจิตสำนึกในด้านดี เป็นตัวอย่างของการวิเคราะห์ที่มีเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง มุ่งประโยชน์สุขให้เกิดแก่สังคมส่วนรวมอย่างแท้จริง โดยปราศจากอัตตา สามารถใช้เป็นแบบอย่างของการวิเคราะห์เรื่องอื่นๆ

    ทุกครั้งที่พระพุทธศาสนาประสบกับเหตุการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ประชาชนหรือคนจำนวนมากเกิดความเข้าใจในพระพุทธศาสนาผิดพลาด เกิดความสับสนไขว้เขว ท่านเจ้าคุณฯ แม้จะเป็นผู้รักความสันโดษและชอบทำงานค้นคว้า เขียนหนังสือเงียบๆ ก็มิอาจเพิกเฉย ท่านจะต้องเขียนหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังท่านบันทึกไว้ในคำปรารภของหนังสือ “ตื่นกันเสียทีจากความเท็จ” ตอนหนึ่งว่า

    “การที่ต้องยอมใช้ถ้อยคำแปลกๆ ที่ว่าแรง และยอมใช้เวลาหมดไปหลายวันกับเรื่องนี้ จุดหมายก็เหมือนหนังสือเล่มก่อนๆ ในประเภทเดียวกัน คือ เพื่อเสริมสร้างความรู้เข้าใจและความรู้เท่าทันแก่ประชาชน หรือแก่พหูชน ในเรื่องที่มีผลกระทบร้ายแรงต่อความจริงความถูกต้อง และสำคัญต่อส่วนรวม ซึ่งเน้นที่ความเข้าใจผิดต่อหลักการของพระพุทธศาสนา และการทำลายประโยชน์สุขของประชาชนในระยะยาว ให้คนรู้และอยู่กับความจริงและความถูกต้อง”

    นอกจากนั้น ในหนังสือเล่มเดียวกัน ท่านยังได้เขียนเตือนสื่อทั้งหลายว่า

    “…ทั้งนี้ทุกท่านคงยอมรับว่า การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเท็จออกไปในสังคม ให้คนเกิดความเข้าใจผิดและมีทัศนคติที่ผิดนั้น เป็นการก่อความรุนแรงแบบหนึ่ง ที่ประทุษร้ายสังคมอย่างฉกรรจ์ เพราะเป็นการทำร้ายทางปัญญา ผู้ที่ทำการและสนับสนุนการนั้น เมื่อรู้เห็นความผิดแล้วควรทำตนให้เป็นจุดสะท้อนในการแก้ไขข่าวสารเท็จ และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง…”

    ตัวอย่างหนังสือเล่มก่อนๆ ในประเภทเดียวกันที่ท่านอ้างถึงไว้ข้างต้น ได้แก่ “กรณีสันติอโศก, กรณีธรรมกาย” เป็นต้น.

  24. อรุณสวัสดิ์วันศุกร์ค่ะ

    วันนี้วันดี อากาศดี อ่านเรื่องดีดี
    และไม่ลืมเชียร์นักมวยของเราวันนี้แน่นอนค่ะ

    ย้ำกันอีกที วันนี้มวยเริ่มแข่งประมาณ 12.45 น.
    อีกคู่ประมาณ 13.30 น. นะคะ

    สุขสันต์วันสุขค่ะ ^__^

  25. สวัสดีค่ะสมาชิกสมาคมคนบ้าผู้น่ารักแห่งประเทศไทยทุกท่าน

    วันนี้คอมพิวเตอร์ของข้าพเจ้าไม่สบายค่ะ จึงถูกฝ่าย IT ลักพาตัวไปทำการแก้ไขตั้งแต่เช้า ทำให้ไม่สามารถเข้ามาทักทายเหล่าท่านในเวลาปกติได้

    แต่ข้าพเจ้าหาได้นิ่งนอนใจ หาทางเข้ามาส่งเสียงแสดงสัญญาณชีพให้เหล่าท่านรับทราบจนได้ แลไม่อยากให้ใครที่หวังเลื่อยขาเก้าอี้ประธานสมาคม ฯ ย่ามใจด้วยค่ะ .. อิ อิ

    .
    .

    นิทานไม่มีตอนต่อไปหรอกค่ะท่านป๋าสอ ที่บอกว่า “เล่าไม่จบ” คือยังไม่ได้สรุปให้เด็ก ๆ เค้าฟังเท่านั้นเอง แต่บรรดาคนแก่ ๆ น่ะอ่านแค่รอบเดียวคงเก็ทกันแล้วล่ะ ใช่ไหมคะท่าน .. หุ หุ

    .
    .

    สวัสดีค่ะท่านรอง ฯ

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับการรายงานข่าว
    ข้าพเจ้าจะไปนั่งหน้าจอทีวีบัดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ

    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์

    โย่ว !!

    .
    .

    สุขสันต์วันศุกร์จ้า ขอให้มีความสุขกันทุกคนเลยน๊า

    -จขบ.- ;D

  26. โอย….ลุ้นมนัสซะเหนื่อยเลย
    ใจหายแว๊ปป ตอนโดนโหม่งจนล้ม

    แต่ก็ประคองตัวมาจนได้ เฮ้ออ โล่งอกหน่อย
    ไว้พรุ่งนี้ค่อยลุ้นนัดชิงกันอีกทีเนอะ เข้าทั้งสองคนดีใจจัง

    ว่าแต่คิดว่าท่านประธานโดนอุ้มไปแล้วซะอีกค่ะ
    ที่แท้ก็แค่คอมป่วย

    ส่วนเก้าอี้ประธานสมาคมนั้นจะมีผู้ใดกล้าเลื่อยกันเล่าค่ะ
    หากเป็นเก้าอี้สมาคมมวยสากล อันนั้นก็ว่าไปอย่าง หุหุ

    สุขสันต์วันสุขค่ะ ^__^

  27. บ๊ะ! ไม่มีใครใจกล้าเลื่อยขาเก้าอี้ท่านประธานจริงๆ หรือ?

    อืม เห็นทีเลขาหน้ามนคนรูปหล่อต้องลงมือเองซะแร้ววว

    .
    .

    ท่านรองฯ ขอรับ กระผมเองก็ใจแป้วเหมือนกันในตอนนั้น
    แต่ก็นะ มนัส ซะอย่าง มุดซ้ายมุดขวา งุบงิบๆ หยิบไข่คิวบามาจนได้

    ไฟต์หน้าคิดว่าเบาทั้งคู่ล่ะครับ มีหวังคนไทยได้เฮกับเหรียญทองอีกสองเหรียญ

    ดูมวยไปก็ได้แต่นึกดีใจกับพวกเขาน่ะครับที่เกิดมาในยุคนี้ เพราะหากย้อนกลับไปสักสิบปีตอนที่ผมกำลังรุ่งล่ะก้อ เห็นที มนัส กับ สมจิตร คงไม่ได้เกิด

    วุ้ย! พูดแล้วก็เหมือนคุย – ผ่าเถอะ!

  28. สอบถามอาการคอมพ์มาแล้วค่ะ
    ผู้เชี่ยวชาญท่านบอกว่าโคม่าเหลือเกิน ตอนนี้ก็ยังบู๊ทไม่ขึ้นเลย
    กว่าจะได้คืนมาอย่างเร็วก็พรุ่งนี้ อย่างช้าก็อาทิตย์หน้าค่ะ

    ขอแสดงความเสียใจกับเหล่าท่านด้วยนะคะ
    ที่จะไม่เห็นคนบ้าผู้น่ารักเอาอักษรมาลอยหน้าลอยตามให้ชมระยะหนึ่ง

    .
    .

    ต้องขอบพระคุณท่านรอง ฯ Z เป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่ไม่คิดเลื่อยขาเก้าอื้ของข้าพเจ้า (ไม่รู้จะเลื่อยไปทำไมแม่นก่อ 5555+ ) ทั้งนี้รบกวนท่านรอง ฯ ช่วยต้านทานเลื่อยอาบสนิมของท่านเลขา ฯ ด้วยนะคะ เกรงว่าพลาดพลั้งไปเราต้องเหนื่อยจับท่านเลขา ฯ มาฉีดยากันบาดทะยักน่ะค่ะ .. หุ หุ

    .
    .

    พูดถึงมวยวันนี้แล้ว ดูสนุก และ ตื่นเต้นสุด ๆ ข้าพเจ้านะไม่เป็นอันทำการทำงานเลยค่ะ ไม่สิ ต้องบอกว่าทำงานไม่ได้มากกว่า เพราะประกาศเรียกคนไข้คนไหนก็ไม่หือไม่อือสักราย จ้องทีวีกันตาเขม็ง ท่าทางจะลุ้นจนลืมปวดลืมเมื่อยกันหมดละก๊า 555+

    แล้วพรุ่งนี้เรามานั่งเชียร์ด้วยกันใหม่เนาะ

    .
    .

    อ้อ .. เกือบลืม ๆ
    ป๋าสอเจ้าขา ที่ว่ามาไม่เรียกว่า “คุย” แล้วจะเรียกว่าอะไรคะ ? ฮึ

    .
    .

    ปิ๊กบ้านก่อนละน๊า บาย ๆ จ้า
    -จขบ.- 😀

  29. เรียนท่านประธาน

    คอมท่านอาการหนักเลยหรือนี่
    สงสัยต้องผ่าตัดใหญ่ซะละมั๊งคะ งานนี้
    ยังไงก็ขอให้กลับคืนสู่สภาพปกติในเร็ววันนะคะท่าน
    หายไปนาน ท่านจะสูญเสียฐานที่มั่นเอาได้ ^^”

    ส่วนขาเก้าอี้ของท่านไม่ต้องห่วงค่ะ ต่อให้ใครจะเอาเบาะ เอาพนักพิงไป ขาเก้าอี้ท่านก็จะยังอยู่ค่ะ หุหุ

    อย่าว่าแต่ท่านประธานจะทำงานไม่ได้เลย
    ข้าพเจ้าและพนักงานทั้งหลายก็หาทำงานทำการกันไม่
    ลูกค้าเข้ามายังชักชวนกันนั่งดูมวยซะงั้น เหอ เหอ

    เรียนท่านเลขา ทราบ
    คิดเหมือนกันค่ะ ว่าพรุ่งนี้น่าจะได้ฟังเพลงชาติไทยสองรอบรวด
    แต่ไม่ต้องตื่นเต้นมากอย่างวันนี้ก็ได้นะเนี่ย – -”

    ว่าแตสมัยที่ท่านยังรุ่งอยู่นั้น รุ่งประมาณไหนคะ ใช่รุ่งริ่งป่าว หุหุ

    สุขสันต์วันนี้ค่ะ ^__^

  30. ท่านประธานขอรับ

    อืม ท่าทางคอมฯ จะป่วยหนักเอาการแฮะ ยังไงก็ขอให้รักษาซ่อมแซมแล้วเสร็จไวไว แอนด์ มาม่า เลยนะขอรับ

    .
    .

    ท่านรองฯ ขอรับ

    รุ่ง? ปั๊ดธ๊อ! รุ่งโรจน์สิขอรับ ระดับนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะรุ่งริ่งแต่อย่างใด ต้องขอแสดงความเสียใจต่ออกุศลเจตนาที่ท่านอุตส่าห์แช่งมาด้วยนะขอรับ

    ไปๆๆๆ ไปนั่งรอลุ้น มนัส กับ สมจิตร กันเถอะ

  31. วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 54 “มงคลพฤกษ์แห่งความรัก” (ตอนสุดท้าย)

    .
    .

    ชื่อตอนนี้นำมาจากหัวข้อหนึ่งจากโอวาทของท่านเจ้าคุณฯ ที่แสดงไว้แก่คู่สมรส คือ คุณวิชญา สุขพานิช และ คุณพสุ สุนทรพิทักษ์ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2544 และคู่สมรสอีกคู่หนึ่งคือ หม่อมหลวงโอรัส เทวกุล และ นางสาวนภัสสร ภูมิสุข ซึ่งได้เข้าพิธีสมรสในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2547 ได้ขออนุญาตนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ เพื่อแจกเป็นของชำร่วยในงานมงคลสมรสของเขาทั้งสอง

    ฝ่ายเจ้าบ่าว คือ หม่อมหลวงโอรัส เทวกุล นั้น เคยอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดญาณเวศกวัน เป็นสัทธิวิหาริก(ศิษย์)ของท่านเจ้าคุณฯ อยู่ระยะหนึ่ง มีความจำเป็นต้องลาสิกขาเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ เมื่อกลับสู่มาตุภูมิแล้ว ต่อมาได้เข้าพิธีมงคลสมรสดังกล่าวมาแล้วข้างต้น

    เนื่องจากหม่อมหลวงโอรัสเป็นทิดเคยบวชเรียน มีอะไรก็จะนึกถึงวัดเสมอ ก่อนเข้าพิธีมงคลสมรส หม่อมหลวงโอรัสได้พาเจ้าสาวมากราบขอพรจากท่านเจ้าคุณฯ และนิมนต์พระที่วัดญาณเวศกวันไปทำพิธีทางศาสนาด้วย

    การที่คู่สมรสตกลงใจพิมพ์โอวาทที่มีอยู่แล้ว ก็เพื่อที่จะไม่ต้องรบกวนให้ท่านต้องทำงานเพิ่ม อีกอย่างหนึ่ง โอวาทของท่านเจ้าคุณฯ นั้นเป็นสากล สามารถใช้ได้ทั่วไปไม่เจาะจงเฉพาะคู่ใดคู่หนึ่ง

    หนังสือเล่มน้อยนั้นมีชื่อว่า “ครองเรือน ครองรัก จักเลิศแท้ ด้วยการครองธรรม” มีอยู่ตอนหนึ่งท่านเจ้าคุณฯ ได้ให้ชื่อว่า ‘ร่วมกันปลูกมงคลพฤกษ์ เพื่อชีวิตสมรสที่เป็นสุขและมีคุณค่า’ ท่านสอนว่า…

    “การเริ่มชีวิตแต่งงานนี้ จะต้องให้มีคุณสมบัติ 4 อย่างของต้นไม้ที่ดี คือ

    1. มีรากแก้วที่แข็งแรงและมั่นคง ซึ่งจะช่วยให้ต้นไม้นั้นยืนต้นอยู่ได้ยืนนานมั่นคง อันได้แก่ “สัจจะ”

    2. มีศักยภาพในการเจริญเติบโตงอกงาม สามารถแตกกิ่งก้านสาขา มีดอก มีใบ มีผล ได้สะพรั่ง ข้อนี้ได้แก่ “ทมะ” คือ การพัฒนาตัวเอง ฝึกฝนตัวเองเรื่อยไป ไม่ว่าจะเจออะไรก็มองในแง่การฝึก ให้ชีวิตเป็นสนามฝึก เจอปัญหาก็เอามาเป็นแบบฝึกหัด ซึ่งมีแต่ดีทั้งนั้น เพราะทำให้ยิ่งเจริญงอกงามไปด้วยกัน

    3. มีความแข็งแรงทนทาน ต้นไม้จะยืนต้นดำรงอยู่ได้ดี ต้องแข็งแรงทนทานต่อดินฟ้าอากาศ ทนต่อพืชต่างๆ ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งมาแย่งอาหาร หรือบางทีมีกาฝากและพวกแมลงต่างๆ มาชอนไช ตลอดจนบางทีมีลมแรงเป็นมรสุม ต้องยืนต้นผ่านภัยทุกอย่างไปให้ได้ นี้คือข้อ “ขันติ” ความเข้มแข็งอดทน

    4. มีน้ำเลี้ยงบริบูรณ์ ข้อนี้สำคัญ ถ้าขาดอาหารเสียอย่างเดียวต้นไม้ก็เฉา เหี่ยวแห้ง ถึงจะแข็งแรงอย่างไรก็อยู่ไม่ไหว แต่ถ้ามีน้ำหล่อเลี้ยงดีแล้ว ต้นไม้ก็จะชุ่มฉ่ำ สดชื่น ใบเขียวขจี งอกงาม มีดอกสวยน่าดู มีผลดกดื่นไป (จาคะ)

    ตอนนี้แหละ ต้นไม้เองก็มีความสวยงาม แล้วก็มองดูดีด้วย ใครมาเห็นก็ชื่นใจ สดชื่นไปด้วย

    นอกจากนั้น เขายังได้อาศัย เหมือนต้นไม้ที่มีใบดกเขียวขจี คนเดินทางมาร้อนๆ ก็เข้าพักใต้ร่มไม้ ได้อาศัยร่มเงามีความสุข แถมมีดอกให้ชื่นชม ดอกก็สวยงาม หากเกิดหิวขึ้นมาก็มีผลให้รับประทานอิ่มอีก แสนจะดี

    เพราะฉะนั้น ชีวิตสมรสจะดีถ้ามีครบคุณสมบัติทั้ง 4 ประการ และพอเข้าถึงคุณสมบัติเหล่านี้ ก็มีความสุขทั้งในชีวิตคู่ครองเอง และแผ่ความสุขไปให้แก่คนใกล้เคียง ญาติมิตร แล้วก็แผ่ความสุขไปให้แก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลายทั่วไป

    ชีวิตสมรสที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 4 ประการนี้ จะมีกำลังดี มีความสามารถแผ่ประโยชน์สุขนั้นออกไป เหมือนกับต้นไม้ที่มีคุณสมบัติครบ 4 ประการ ดังกล่าวมาแล้ว…”

    .
    .

    หมายเหตุ – ฆราวาสธรรม 4 คือ ขันติ(ความอดทน) สัจจะ(การรักษาความจริง) ทมะ(การข่มใจ) จาคะ(การรู้จักแบ่งปัน เอื้อเฟื้อ)

  32. สวัสดีบ่ายวันเสาร์ค่ะ

    .

    ก่อนเข้าวอร์ดไปข้าพเจ้าได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ IT แล้วค่ะท่านรอง ฯ ว่าข้อมูลทุกอย่างที่มีหายเกลี้ยง – -” สงสัยจะเป็นเพราะเชื้อไวรัสตัวร้ายและเพราะไฟฟ้าที่ที่ขยันดับจนเครื่องสำรองไฟเอาไม่อยู่

    ตอนนี้ต้องทำใจว่าข้อมูลในนั้นจะมีอันเป็นไป ไม่สามารถกู้คืนได้แน่ ๆ และหลังจากนั้นสัปดาห์หน้าข้าพเจ้าจักได้ CPU ตัวเก่าแบบสมองกลวง ๆ กลับคืนมา ไม่สามารถรื้อฟื้นหาความหลังใด ๆ ได้อีกเลย .. แง แง

    .
    .

    แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ “อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว ล้วนดีเสมอ”

    การที่คอมพ์เจ๊งคราวนี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ล้างข้อมูลเก่า ๆ ที่ไม่ได้ใช้อะไรแต่ไม่กล้าลบไปเสียที เหมือนคนเราที่มักมีความทรงจำบางเรื่อง หรือเก็บสิ่งของบางอย่างที่ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดไว้โดยไม่มีเหตุผล พอเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างขึ้นมานั่นแหละค่ะ (อย่างเช่นน้ำท่วมเป็นต้น) จึงจะยอมโละทิ้งไป

    ฉะนั้น คอมพ์เจ๊งก็ให้มันเจ๊งไป
    เย็นนี้เราไปนั่งเชียร์นักชกไทยให้สนุกกันดีกว่าค่ะ

    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์
    ไทยแลนด์

    โย่ว !!

    .
    .

    ขอบคุณมากค่ะคุณสิญจน์ สวรรค์เสก

    หากข้าพเจ้าได้ออกเหย้าออกเรือนเมื่อไร จะย้อนกลับมาอ่าน วิถีแห่งปราชญ์ ตอนที่ 54 “มงคลพฤกษ์แห่งความรัก” ใหม่อีกครั้งนะคะ

    สาธุ !

    .
    .

    สุขสันต์วันเสาร์ค่ะ
    -จขบ.- 😀

  33. สวัสดีบ่ายๆ วันเสาร์ค่ะ

    ขอแสดงความเสียใจกับข้อมูลที่สูญเสียไปนะคะ ท่านประธาน
    และขอแสดงความยินดีที่ได้รับพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นค่ะ ^^”

    ข้าพเจ้าเคยมีประสบการณ์โดนไวรัสเล่นงานอยู่เหมือนกันค่ะ
    แต่ข้อมูลส่วนใหญ่กู้คืนได้เพราะเก็บในไดร์ฟ D
    ทำให้ตอนนี้มีข้อมูลที่ไร้ประโยชน์อยู่พอควร – -”
    (ขนาดไรท์เก็บใส่แผ่นไปบ้างแล้วนะเนี่ย)

    ไว้เย็นนี้รอเชียร์มวยกันค่ะ ไทยแลนด์สู้ สู้ ^__^

    ท่านสิญจน์ สวรรค์เสกค่ะ
    ขอบคุณมากๆ สำหรับ วิถีแห่งปราชญ์ ทั้ง 54 ตอนค่ะ

    ขอให้ชีวิตของท่านรุ่งโรจน์ต่อไปนะคะ

    ว่าแล้วก็ไปเตรียมตัวเชียร์มวยกันดีกว่าค่ะ

    สุขสันต์วันเสาร์นะคะ ^__^

  34. เห็นด้วยค่ะท่านรอง ฯ Z

    ข้าพเจ้าไปเก็บข้าวของ เตรียมจรลีก่อนนะคะ
    แล้วพบกันหน้าจอทีวีเย็นนี้ค่ะ

    .
    .

    สุขสันต์วันชิงเหรียญทองโอลิมปิกของนักชกไทยจ้า
    -จขบ.- 😀

Leave a reply to สิญจน์ สวรรค์เสก Cancel reply